KBank Private Banking ชี้ปัจจัยทางเศรษฐกิจส่งผลต่อราคาอสังหาริมทรัพย์อย่างมาก จัดงานสัมมนาในหัวข้อ "อสังหาฯ ขาลง? รับมืออย่างไรกับความท้าทายในปี 2567" เพื่ออัปเดทและวิเคราะห์มุมมองเกี่ยวกับแนวโน้มราคาอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้ว่าอยู่ในช่วงขาลงจริงหรือไม่ ที่ดินมีศักยภาพที่จะนำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างไร พร้อมหาโอกาสสร้างรายได้จากที่ดินที่ถือครองด้วยผลิตภัณฑ์ Land Loan for Investment ที่เปลี่ยนที่ดินเป็นสินเชื่อเพื่อการลงทุน โดยมี โจนส์ แลง ลาซาลล์ (ประเทศไทย) (JLL) ผู้ให้บริการอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำระดับโลกรายใหญ่ที่สุดในประเทศ ร่วมเผยถึงโอกาสในการนำที่ดินมาใช้ประโยชน์ เพื่อให้ลูกค้าบุคคลสินทรัพย์สูงที่มีที่ดินและอสังหาฯ ในครอบครอง หรือมีความสนใจลงทุนในภาคอสังหาฯ รู้ทันและเตรียมพร้อมรับมือได้อย่างเหมาะสม
นางกรกช อรรถสกุลชัย Executive Director, Head of Non Capital Market Solution, Private Banking Group ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยในปีนี้มีความท้าทายเช่นเดียวกับภาพรวมเศรษฐกิจและธุรกิจอื่นๆ โดยมี 5 ปัจจัยที่เป็นทั้งโอกาสและความท้าทายที่น่าจับตา ประกอบด้วย
นายอนาวิล เจียมประเสริฐ หัวหน้าแผนกบริการงานวิจัยและให้คำปรึกษา บริษัท โจนส์ แลง ลาซาลล์ (ประเทศไทย) จำกัด (JLL) กล่าวถึงโอกาสสำหรับอสังหาฯ ไทยว่า แม้ว่าภาพรวมเศรษฐกิจจะยังอยู่ในภาวะชะลอตัว แต่พบว่าดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและความต้องการจับจ่ายใช้สอยฟื้นตัวจากปีที่ผ่านมา ภาคการท่องเที่ยวที่คาดหมายว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติสูงกว่า 40 ล้านคน ในปี 2567 จะส่งผลดีกับภาคอสังหาฯ ไม่ว่าจะเป็น โรงแรม และ ห้างสรรพสินค้าที่ตั้งอยู่ในย่านศูนย์กลางการท่องเที่ยวและพาณิชยกรรม นอกจากนี้ เจแอลแอล มองว่าตลาดคลังสินค้า โรงงานและที่ดินอุตสาหกรรมจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง เป็นผลจากการขยายตัวของตลาดอีคอมเมิร์ซ (E-Commerce) หลังการแพร่ระเบิดของโควิด 19 รวมถึงการย้ายฐานการผลิตออกจากประเทศจีนมายังภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งประเทศไทยถือว่าเป็นจุดหมายสำคัญสำหรับนักลงทุน และมีความสามารถในการแข่งขันในการดึงดูดการลงทุนจากกลุ่มอุตสาหกรรมมูลค่าสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ในขณะที่ตลาดที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯและปริมณฑล ยังเผชิญความท้าทายจากภาวะดอกเบี้ยสูง ส่งผลโดยตรงกับโครงการที่มีช่วงราคาต่ำกว่า 5 ล้านบาท เนื่องจากปัญหาสภาพคล่องและกำลังซื้อที่ลดน้อยลง เป็นผลให้เทรนด์ค่าเช่าคอนโดมิเนียมและอพาร์ทเม้นท์ให้เช่าในพื้นที่กลางเมืองปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ในช่วงที่ผ่านมาโครงการใหม่ๆ ที่กำลังจะเข้าสู่ตลาด ล้วนเป็นโครงการมิกส์ยูส (Mixed-Use) ขนาดใหญ่ ที่ผนวกการใช้ประโยชน์พื้นที่หลากหลายประเภทเข้าไว้ด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น ศูนย์การค้า อาคารสำนักงาน โรงแรม รวมถึงที่อยู่อาศัย ทั้งนี้เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้ซื้อ ผู้เช่า ที่ในปัจจุบันนิยมความสะดวกสบายในการอยู่อาศัย ทำงาน และทำกิจกรรมต่างๆ ในพื้นที่โครงการ รวมถึงความพยายามในการสร้างจุดขายของโครงการ ไม่ว่าจะเป็น แนวคิดโครงการที่เป็นมิตรกับสัตว์เลี้ยง (Pet Friendly) กิจกรรมส่งเสริมสุขภาพและสุขภาวะที่ดี (Health & Wellness) และที่สำคัญที่สุดคือโครงการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Green & Environmental-friendly) ซึ่งจะช่วยดึงดูดกลุ่มลูกค้าให้เข้ามายังโครงการได้อย่างยั่งยืน
นอกจากนี้ยังมีโอกาสใหม่ สำหรับอสังหาฯ ทางเลือก ไม่ว่าจะเป็น ตลาดศูนย์ข้อมูล (Data Center) สำหรับจัดเก็บฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์สำหรับบริการคลาวด์ ศูนย์ดูแลสุขภาพ ศูนย์วิจัยและพัฒนายาและวัคซีนต่างๆ โกดังให้เช่าพื้นที่สำหรับเก็บสินค้าหรือของส่วนตัวได้ โกดังเย็นสำหรับจัดเก็บอาหาร ยาหรือผลิตภัณฑ์อื่นๆ รวมไปถึงโรงเรียนนานาชาติ เป็นต้น เจ้าของที่ดินและนักลงทุนที่ต้องการพัฒนาโครงการต่างๆ จำเป็นต้องสร้างความเข้าใจธุรกิจอสังหาฯประเภทนั้น ๆ อย่างแท้จริง จึงจะสามารถสร้างแผนธุรกิจที่สอดรับกับความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วทั้งในระยะสั้นและระยะยาว
นางกรกช กล่าวในตอนท้ายว่า จากประสบการณ์ของ KBank Private Banking ที่ให้บริการที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์แบบองค์รวมมากว่า 8 ปี ทำให้ธนาคารมีความเข้าใจความต้องการของเจ้าของที่ดิน โดยเบื้องต้นธนาคารแนะนำให้เจ้าของที่ดินจัดพอร์ตที่ดินจะได้ทราบถึงศักยภาพของที่ดินเพื่อกำหนดกลยุทธ์สำหรับที่ดินแต่ละแปลงในแต่ละทำเลว่ามีศักยภาพในการพัฒนาที่แตกต่างกันไปตามความต้องการของธุกิจ และนำที่ดินไปใช้ประโยชน์ได้หรือไม่อย่างไร เพื่อลดภาระภาษี ดังนั้น การจะพิจารณาว่าราคาอสังหาฯ อยู่ในขาขึ้นหรือขาลง จึงขึ้นอยู่กับทิศทางตลาดของแต่ละประเภทธุรกิจ อย่างไรก็ตาม จากที่กล่าวข้างต้นจะเห็นว่าภาพรวมของการพัฒนาที่ดินมีแนวโน้มชะลอตัว ทำให้โอกาสขายที่ดินเป็นไปได้ยากขึ้น หรือไม่ได้ราคาที่คาดหวัง ซึ่งในบางทำเลยังต้องรอให้มีศักยภาพและความพร้อมมากกว่านี้ เช่น การรอเปลี่ยนสีผังเมือง หรือเจ้าของที่ดินบางแปลงต้องการเก็บไว้ส่งต่อให้ลูกหลาน KBank Private Banking จึงแนะนำให้ผู้ถือครองที่ดินที่ยังไม่ได้ใช้ประโยชน์ในปัจจุบัน พิจารณาแปลงที่ดินเป็นเงินลงทุนเพื่อโอกาสสร้างผลตอบแทนที่จะช่วยแบ่งเบาภาระภาษีและต่อยอดความมั่งคั่ง ผ่านผลิตภัณฑ์สินเชื่อ Land Loan for Investment ซึ่งมีทางเลือกการลงทุนที่หลากหลาย เพื่อโอกาสสร้างผลตอบแทนจากที่ดินที่ถือครองนำมาใช้แบ่งเบาภาระภาษี โดยเจ้าของที่ดินยังสามารถใช้ที่ดินได้ตามปกติรวมถึงให้เช่าระยะสั้นได้ หรือหากต้องการขายที่ดินก็สามารถยกเลิกสัญญาเงินกู้ได้ทุกเมื่อ อย่างไรก็ดี ผู้ลงทุนควรศึกษาให้รอบด้านหรือปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อสร้างการเติบโตให้กับสินทรัพย์ที่มีและไม่ติดกับดักการลงทุน
ต้องการข้อมูลผลิตภัณฑ์สินเชื่อ Land Loan for Investment เพิ่มเติม สามารถดูรายละเอียดได้ทางเว็บไซต์ KBank Private Banking ที่ https://kbank.co/3NrNbw9