กรุงเทพฯ--12 พ.ค.--ควอลิตี้ เฮ้าส์
ควอลิตี้ เฮ้าส์ เผยผลการดำเนินงาน ไตรมาส 1 ปี 2551 โกยรายได้กว่า 2,000 ล้านบาท พร้อมฟันกำไรกว่า 300 ล้านบาท เติบโตกว่า 30 % ปูพรหมโครงการใหม่อีก 11 โครงการ มูลค่ากว่า 1.6 หมื่นล้านบาท ตั้งเป้ารายได้ปีนี้ 1.2 หมื่นล้านบาท เติบโต 20%
นางสุวรรณา พุทธประสาท กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ควอลิตี้ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงาน ไตรมาส 1 ปี 2551 ว่า บริษัทฯ มีรายได้ทั้งสิ้น 2,449 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากการขายบ้านพร้อมที่ดิน 2,044 ล้านบาท รายได้จากธุรกิจให้เช่าพื้นที่อาคารสำนักงานและอาคารชุดพักอาศัยและค่าบริการ 311 ล้านบาท และรายได้จากส่วนอื่นๆอีก 94 ล้านบาท โดยบริษัทฯมีกำไรสุทธิ 307 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33% จากไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว ที่มีกำไรสุทธิ 231 ล้านบาท โดยกำไรที่เพิ่มขึ้น เนื่องมาจากบริษัทฯมีกำไรขั้นต้นจากการขายอสังหาริมทรัพย์ รวมทั้งส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนตามวิธีส่วนได้เสียเพิ่มขึ้น
สำหรับรายได้ในปีนี้ บริษัทฯคาดว่าจะมียอดรับรู้รายได้ประมาณ 12,000 ล้านบาท ซึ่งเติบโตขึ้นจากปี 2550 ประมาณ 20% แบ่งเป็นรายได้จากการขายบ้านเดี่ยว 10,500 ล้านบาท และรายได้จากการให้เช่าอาคารสำนักงานและเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ 1,500 ล้านบาท
ด้านแผนการดำเนินงานในปีนี้ บริษัทฯมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่อีก 11 โครงการ คิดเป็นมูลค่าโครงการรวมประมาณกว่า 1.6 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นโครงการบ้านเดี่ยวระดับพรีเมียม ภายใต้แบรนด์“ลัดดารมย์” จำนวน 4 โครงการ ประกอบด้วย “ลัดดารมย์ Elegance เกษตร-นวมินทร์” “ลัดดารมย์ Elegance พระราม 5-2” “ลัดดารมย์ ราชพฤกษ์-รัตนาธิเบศร์ 2” และ “ลัดดารมย์ ชัยพฤกษ์-แจ้งวัฒนะ”
โครงการบ้านเดี่ยวภายใต้แบรนด์“คาซ่าวิลล์” จำนวน 5 โครงการ คือ “คาซ่าวิลล์ ราชพฤกษ์-รัตนาธิเบศร์ 2” “คาซ่าวิลล์ ราชพฤกษ์-แจ้งวัฒนะ” “คาซ่าวิลล์ วัชรพล 3” “คาซ่าวิลล์ บางนา-สุวรรณภูมิ” และ “คาซ่าวิลล์ พระราม 2 -2” และโครงการทาวน์โฮมหรู ภายใต้แบรนด์“คาซ่า ซิตี้” จำนวน 2 โครงการ คือ “คาซ่า ซิตี้ เอกมัย-รามอินทรา สุคนธสวัสดิ์ 2” และ “คาซ่า ซิตี้ เอกมัย-รามอินทรา นวลจันทร์ 2”
อย่างไรก็ดี ในไตรมาส 1 ของปีนี้ บริษัทฯได้เปิดตัวโครงการใหม่ไปแล้วทั้งสิ้นจำนวน 3 โครงการ คิดเป็นมูลค่าขายโครงการรวมประมาณ 5,550 ล้านบาท คือ “ลัดดารมย์ Elegance เกษตร-นวมินทร์” “ลัดดารมย์ Elegance พระราม 5-2” และ “คาซ่าวิลล์ ราชพฤกษ์-รัตนาธิเบศร์ 2”
ทั้งนี้บริษัทฯยังมีแผนพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมจำนวน 2 โครงการ บนทำเลใจกลางเมือง ใกล้รถไฟฟ้า BTS คือ“Q. House Condo Sathorn” มูลค่าประมาณกว่า 2,000 ล้านบาท มีระดับราคาขายประมาณ 80,000 บาทต่อตารางเมตร ซึ่งได้เริ่มก่อสร้างไปแล้ว และคาดว่าจะสร้างเสร็จต้นปี 2552 และ “Casa Condo Ratchada-Thapra” มูลค่าโครงการประมาณ 500 ล้านบาท โดยมีระดับราคาขายประมาณ 50,000 บาทต่อตารางเมตร ขณะนี้อยู่ระหว่างการยื่นเรื่องขออนุมัติการศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (EIA) คาดว่าจะก่อสร้างเสร็จต้นปี 2552
นอกจากนี้ บริษัทฯยังมีแผนที่จะเปลี่ยนโครงการ Centre Point Langsuan จากโครงการรูปแบบ Serviced Apartment ให้เป็นคอนโดมิเนียมขนาด 38 ชั้น จำนวน 209 ยูนิต คิดเป็นมูลค่าโครงการรวม 3,000 ล้านบาท โดยมีพื้นที่ขาย 17,000 ตารางเมตร มีระดับราคาขาย 180,000 บาทต่อตารางเมตรโดยขณะนี้ตึกดังกล่าวยังอยู่ระหว่างการก่อสร้าง คาดว่าการก่อสร้างจะแล้วเสร็จในกลางปี 2552 และจะเริ่มรับรู้รายได้ในปี 2552 อย่างไรก็ดี บริษัทฯยังได้เตรียมงบประมาณในการซื้อที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ในอนาคต ไว้ประมาณ 3,500 ล้านบาท
ทั้งนี้ ในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา บริษัทฯได้ออกหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิและไม่มีหลักประกัน ครั้งที่ 1/2551 ชุดที่ 1 ครบกำหนดไถ่ถอนปี 2554 อัตราดอกเบี้ยคงที่ร้อยละ 4.25 ต่อปี จำนวน 1,400 ล้านบาท และชุดที่ 2 ครบกำหนดไถ่ถอนปี 2555 อัตราดอกเบี้ยปีที่ 1 ถึงปีที่ 3 อัตราดอกเบี้ยคงที่ร้อยละ 4.25 ต่อปี อัตราดอกเบี้ยปีที่ 4 คงที่ร้อยละ 4.7 ต่อปี จำนวน 600 ล้านบาท รวมทั้งสิ้นหุ้นกู้ที่ออกจำนวน 2,000 ล้านบาท ซึ่งหุ้นกู้ดังกล่าวได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือหุ้นกู้เป็น BBB+ โดยบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ซึ่งบริษัทฯจะนำเงินที่ได้มาชำระคืนหุ้นกู้เก่าที่ครบกำหนดไถ่ถอน และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการพัฒนาโครงการใหม่ในปี 2551 อย่างไรก็ดี ในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ บริษัทฯยังมีแผนที่จะออกหุ้นกู้จำนวน 5,000 ล้านบาท อายุไม่เกิน 10 ปี ซึ่งจะเสนอให้กับผู้ลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ
ธณรรกนก ภู่วิจิตร
สำนักโฆษณาและประชาสัมพันธ์
โทร 0 2677 7000 ต่อ 719 E-mail: thanankanok.p@qh.co.th