"บมจ.สตาร์ มันนี่ หรือ SM" ส่งซิกแนวโน้มผลงาน Q2/67 แรงต่อจาก Q1/67 ที่รายได้โตเกินเป้า เผยยอดขายสินค้าและสินเชื่อเช่าซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าโดยเฉพาะมือถือเติบโตโดดเด่น หลังมีการใช้เทคโนโลยีล็อคโฟน ช่วยบริหารความเสี่ยงในการชำระหนี้ของลูกค้า หนุนยอดการเก็บเงินและยอดขายโตดีต่อเนื่อง พร้อมย้ำเป้ารายได้รวมปี 67 เติบโตไม่ต่ำกว่า 15% พร้อมชูความสามารถในการทำกำไรที่สูงขึ้น
นายชูศักดิ์ วิวัฒน์วงศ์เกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท สตาร์ มันนี่ จำกัด (มหาชน) หรือ SM เปิดเผยว่า แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2/2567 คาดว่ามีทิศทางขยายตัวดีต่อเนื่องจากไตรมาส 1/2567 ที่ผ่านมา โดยประเมินตลาดเช่าซื้อประเภทสินค้าโทรศัพท์มือถือ ในไตรมาส 2 ปีนี้ ยังเติบโตโดดเด่น โดยนอกจากเทคโนโลยีล็อคโฟนที่ได้นำมาใช้แล้ว บริษัทได้ดำเนินกลยุทธ์เสริมความแข็งแกร่งธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อ โดยการใช้เทคโนโลยีพัฒนาโปรแกรมที่ช่วยวิเคราะห์และออกแบบผลิตภัณฑ์สินเชื่อ ให้เหมาะสมกับคุณสมบัติและความสามารถในการชำระหนี้ของลูกค้าแต่ละรายด้วย
"ผลงานไตรมาสแรกของบริษัทเติบโตกว่าเป้าหมายที่วางไว้ หลังจากนำเทคโนโลยีล็อคโฟนมาใช้ ช่วยให้ผลการชำระเงินของลูกค้าดีขึ้นชัดเจน และไตรมาส 2 นี้จากการเน้นรุกตลาดผ่านช่องทางการขายใหม่ๆ พบว่ายอดขายมือถือรวมถึงเครื่องใช้ไฟฟ้าและคอมพิวเตอร์ ยังคงเติบโตต่อเนื่อง อีกทั้งจะมีการปรับ Yield ดอกเบี้ยเช่าซื้อเพิ่มสูงขึ้นในไตรมาส 2 นี้ ทำให้มั่นใจภาพรวมผลการดำเนินงานจะมีการเติบโตที่โดดเด่น" นายชูศักดิ์ กล่าว
โดย ณ สิ้นไตรมาส 1/2567 ยอดขายสินค้าและเช่าซื้อเติบโต 21% สินเชื่อเงินให้กู้ยืมเติบโต 11% รายได้รวมเติบโต 17% และพอร์ตสินเชื่อของ SM มีมูลค่ารวมอยู่ที่ราว 2.7 พันล้านบาท เติบโต 14% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
นอกจากนี้ บริษัทได้มีดีลความร่วมมือกับพันธมิตรที่มีความชำนาญและประสบการณ์ยาวนาน ในการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์บนหลังคาที่ทำการของสาขา เพื่อประหยัดค่าไฟฟ้า รวมถึงขยายความร่วมมือทางธุรกิจในการติดตั้งและให้บริการสินเชื่อ Solar Rooftop ให้กับลูกค้าทั้งที่เป็นสถานประกอบการและที่พักอาศัย
ซึ่งทุกธุรกิจของบริษัทล้วนมีการขยายตัวชัดเจน และจะสนับสนุนเป้าหมายรายได้รวมทั้งปีเติบโตไม่ต่ำกว่า 15% จากปี 2566 ที่ทำรายได้รวมอยู่ที่ 1,380 ล้านบาท ภายใต้ความสามารถในการทำกำไรที่สูงขึ้น โดยเฉพาะจากการเติบโตของสินเชื่อเช่าซื้อ ที่มี Yield ที่สูง และ High Margin
ในปีนี้บริษัทตั้งงบลงทุนไว้ราว 20 ล้านบาท โดยอยู่ในระหว่างขั้นตอนการดำเนินงาน เพื่อมุ่งพัฒนาด้านเทคโนโลยีและแพลตฟอร์มสำหรับการขยายธุรกิจและให้บริการลูกค้า รวมถึงการให้ความสำคัญกับ Data Analytic ในการนำ เทคโนโลยี Machine Learning มาใช้ ในการช่วยพยากรณ์และการวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อเป็นเครื่องมือในการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อ และช่วยในการบริหารติดตามหนี้ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้โดยวางกรอบนโยบายเป้าหมายตัวเลขหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) สิ้นปี ไม่เกิน 4%
"คุณภาพสินเชื่อโดยรวม ยังคงอยู่ในเกณฑ์ปกติ ส่วนตัวเลข NPL สิ้นไตรมาสแรกที่สูงขึ้น อยู่ที่ 4.9% เกิดจากลูกหนี้รายใหญ่รายหนึ่งที่ชำระไม่ทันตามกำหนด ขณะนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนการเจรจาและเร่งรัดอยู่ ซึ่งน่าจะอยู่ในวิสัยที่บริหารจัดการได้ หากถ้าไม่นับกรณีของลูกหนี้รายนี้ ยังเชื่อมั่นว่าตัวเลข NPL โดยรวมจะยังคงเป็นไปตามกรอบเป้าหมายที่วางไว้" นายชูศักดิ์ กล่าว
ปัจจุบันธุรกิจหลักของ SM ได้แก่ 1. จำหน่ายสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านและเครื่องใช้ไฟฟ้าเพื่อการพาณิชย์ เช่น โทรทัศน์ ตู้เย็น โทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ รถจักรยานยนต์ และ 2. ธุรกิจให้บริการปล่อยสินเชื่อแบบมีหลักประกัน และสินเชื่อบุคคล โดยหลักประกันเงินให้กู้ยืม เช่น เล่มทะเบียนรถจักรยานยนต์ โฉนดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง และให้บริการอื่นเพิ่มเติม เช่น การเป็นนายหน้าประกันวินาศภัย เป็นต้น