บมจ.ไทย โซล่าร์ เอ็นเนอร์ยี่ (TSE) อนุมัติโครงการซื้อหุ้นคืน (Treasury Stock) เพื่อบริหารทางการเงิน ในวงเงินไม่เกิน 200 ล้านบาท จำนวนหุ้นที่จะซื้อคืนไม่เกิน 160 ล้านหุ้น คิดเป็นอัตราร้อยละ 7.56 ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัท เริ่ม 5 ก.ค. 2567 ถึง 3 ม.ค. 2568
ดร.แคทลีน มาลีนนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทย โซล่าร์ เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ TSE แจ้งผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า ณ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 3/2567 เมื่อวันที่ 1 ก.ค. 2567 ได้มีมติอนุมัติโครงการซื้อหุ้นคืน (Treasury Stock) ในวงเงินไม่เกิน 200 ล้านบาท จำนวนหุ้นที่จะซื้อคืนไม่เกิน 160 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ซึ่งจำนวนหุ้นที่จะซื้อคืนคิดเป็นอัตราร้อยละ 7.56 ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัท จำนวน 2,117,716,281 หุ้น เพื่อเป็นการบริหารสภาพคล่องส่วนเกินของกลุ่มบริษัทฯ ให้เกิดประโยชน์สูงสุด และเพื่อเพิ่มอัตราผลตอบแทนให้แก่ส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE) และอัตรากำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) ซึ่งจะทำให้ราคาหุ้นในอนาคตสามารถสะท้อนมูลค่าที่แท้จริงของกลุ่มบริษัทฯ รวมถึงสร้างความเชื่อมั่นต่อสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งและความสามารถในการทำกำไรของกลุ่มบริษัทฯ ตั้งแต่วันที่ 5 ก.ค. 2567 ถึงวันที่ 3 ม.ค. 2568
สำหรับภาพรวมผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2567 (สิ้นสุด 31 มีนาคม 2567) กลุ่มบริษัทฯ มีรายได้รวมจำนวน 314 ล้านบาท กำไรก่อนต้นทุนทางการเงิน ภาษีเงินได้ ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) จำนวน 257 ล้านบาท และกำไรสุทธิ จำนวน 97 ล้านบาท
สำหรับแนวโน้มธุรกิจในไตรมาส 2/2567 ตลอดจนถึงสิ้นปี ดร.แคทลีน มาลีนนท์ เปิดเผยว่า ยังมีทิศทางที่ดีภายใต้แผนธุรกิจที่วางไว้ ทั้งการสร้างรายได้จากธุรกิจเดิม โดยการเสริมความแข็งแกร่งกำลังการผลิต ซึ่งกลุ่มบริษัทฯ เตรียมเข้าประมูลงานโครงการจัดหาไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนทั้งรอบที่ 2 และรอบที่ 3 โดยตั้งเป้าหมายมากกว่า 100 เมกะวัตต์, การรุกธุรกิจ Private PPA (Private Power Purchase Agreement) หรือข้อตกลงการซื้อขายพลังงานไฟฟ้าที่ผลิตได้จากพลังงานแสงอาทิตย์ ทั้งแบบติดตั้งบนหลังคา (Solar Rooftop) และแบบติดตั้งบนผืนน้ำ (Solar Floating) ของผู้ประกอบการธุรกิจแบบครบวงจร และการทำ M&A (Mergers and Acquisitions) โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ พร้อมทั้งจับมือกับพันธมิตรในรูปแบบกิจการร่วมค้า (Joint Venture) โครงการโรงไฟฟ้าขยะชุมชนในประเทศไทยและโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในต่างประเทศ และยังรุกศึกษาธุรกิจใหม่ด้าน Healthcare ที่จะเป็น New S-Curve เสริมความแข็งแกร่งให้กับบริษัทในอนาคตอีกด้วย
กลุ่มบริษัทฯ คาดการณ์ว่าจะมีกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน, เงินปันผลรับจากบริษัทย่อย และการรับคืนเงินกู้ยืมจากบริษัทย่อย ไตรมาส 3/2567 เป็นต้นไป มีสภาพคล่องเพียงพอสำหรับการชำระหนี้ที่จะถึงกำหนดชำระภายใน 6 เดือน นับแต่วันที่จะซื้อหุ้นคืน และมีกระแสเงินสดคงเหลือเพียงพอต่อการซื้อหุ้นคืนตามโครงการ