ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่า อัลไล หรือ ALLY ตอกย้ำกองทรัสต์ที่มีสินทรัพย์หลากหลาย วางแผนลงทุนเพิ่มเติมในสินทรัพย์ใหม่ เผยอยู่ระหว่างศึกษาโอกาสลงทุนในคอมมูนิตี้มอลล์พื้นที่ไม่เกิน 5,000 ตารางเมตร มุ่งเน้นโครงการในทำเลที่ดี, การออกแบบโครงการ unique, ผู้เช่าพื้นที่เป็นแบรนด์ที่มีชื่อเสียง, Developer มีประสบการณ์ และอัตราผลตอบแทนที่ดี (Yield) ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 10 คาดสรุปได้ในครึ่งปีหลังอย่างน้อย 1 โครงการ เร่งเพิ่มผลตอบแทนแก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์
นายกวินทร์ เอี่ยมสกุลรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อัลไล รีท แมนเนจเมนท์ จำกัด ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์อัลไล หรือ ALLY เปิดเผยว่า ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่า อัลไล (ALLY) เป็นกองทรัสต์ที่เน้นลงทุนในสินทรัพย์หลากหลายประเภท โดยมีสินทรัพย์หลัก คือ อสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ประเภทคอมมูนิตี้มอลล์ ซึ่งมีการบริหารจัดการแบบครบวงจร ในทำเลที่มีศักยภาพในพื้นที่กรุงเทพและจังหวัดท่องเที่ยว ที่มีประชากรและกำลังซื้อสูง ปัจจุบันมีโครงการศูนย์การค้าภายใต้การบริหารจัดการจำนวน 14 โครงการ มีพื้นที่เช่าสุทธิรวมประมาณ 164,520 ตารางเมตร ล่าสุด กองทรัสต์ ALLY ได้วางนโยบายลงทุนในทรัพย์สินใหม่ประเภทคอมมูนิตี้มอลล์ที่มีคุณภาพปีละไม่ต่ำกว่า 1-3 โครงการ
ทั้งนี้ ในช่วงที่ผ่านมา ALLY ได้เข้าลงทุนในกรรมสิทธิ์สินทรัพย์ใหม่ โครงการแฮปปี้ อเวนิว ดอนเมือง แล้วเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งการลงทุนในครั้งต่อไป กองทรัสต์ฯ จะพิจารณาการลงทุนในคอมมูนิตี้มอลล์ขนาดเล็กที่มีคุณภาพในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล เป็นหลัก และล่าสุดอยู่ระหว่างพิจารณาโอกาสลงทุนสินทรัพย์ใหม่ โดยมีเกณฑ์การพิจารณาน 5 ด้าน ได้แก่ 1.) ทำเลที่ดี คอมมูนิตี้มอลล์ต้องตั้งอยู่บนถนนหลักและมีชุมชนล้อมรอบ กำลังซื้อดีและสามารถเข้าถึงได้สะดวก 2.) การออกแบบโครงการมีความ unique หรือมีสไตล์การออกแบบและตกแต่งไม่ซ้ำใคร ด้วยคอนเซปต์ของคอมมูนิตี้มอลล์ที่ชัดเจน รวมถึงมีการบำรุงรักษาอย่างต่อเนื่อง 3.) ผู้เช่าพื้นที่เป็นแบรนด์ที่มีชื่อเสียง สามารถดึงดูดผู้เข้ามาใช้บริการได้ 4.) เจ้าของหรือผู้พัฒนาโครงการ (Developer) มีประสบการณ์ในการบริหารงาน และ 5.) อัตราผลตอบแทนที่ดี มีผลการดำเนินงานที่เติบโตต่อเนื่อง และสร้างอัตราผลตอบแทน (Yield) ในแต่ละปีต้องไม่ต่ำกว่าร้อยละ 10
ปัจจุบัน กองทรัสต์ฯ อยู่ระหว่างเจรจากับผู้พัฒนาคอมมูนิตี้อย่างน้อย 3 โครงการ คาดว่าจะสรุปได้ในช่วงที่เหลือของปีนี้อย่างน้อย 1 โครงการ ทั้งนี้ การลงทุนสินทรัพย์ใหม่คาดว่าจะใช้แหล่งเงินทุนจากกระแสเงินสด ซึ่งจะไม่กระทบกับอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) และการจ่ายประโยชน์ตอบแทนแก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์อย่างแน่นอน เพื่อลดต้นทุนทางการเงิน และเพิ่มผลตอบแทนให้แก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์
"หลังเกิดการแพร่ระบาดโควิด-19 สิ่งที่เราเห็นคือ เจ้าของที่ดินต่างๆ มีการพัฒนาที่ดินใหม่โดยทำเป็นคอมมูนิตี้มอลล์ขนาดเล็ก ซึ่งจะมีธีมการตกแต่งและมีคอนเซปต์ที่ค่อนข้างชัดเจน อีกทั้งเจ้าของทรัพย์ก็ต้องการหาผู้บริหารแบบมืออาชีพเข้ามาบริหารร่วมเพื่อสร้างการเติบโต เราจึงได้ศึกษาและรวบรวมข้อมูลของคอมมูนิตี้มอลล์ขนาดเล็กที่มีพื้นที่โครงการประมาณ 5,000 ตารางเมตร ในหลากหลายพื้นที่มาพิจารณา และแม้จะเป็นคอมมูนิตี้มอลล์ขนาดเล็ก แต่เชื่อว่ามีแนวโน้มให้ผลตอบแทนที่ดี" นายกวินทร์ กล่าว
นอกจากนี้ กองทรัสต์ฯ พร้อมเดินหน้ากลยุทธ์ในการบริหารทรัพย์สินของ ALLY เพื่อสร้าง "กรีน คอมมูนิตี้มอลล์" (Green Community Mall) จำนวน 3 เรื่อง คือ 1.) Green Public Space เพิ่มพื้นที่สีเขียวที่ตอบโจทย์ความเป็น Outdoor ร่มรื่น เข้าถึงง่ายเพื่อเป็นจุดนัดพบสำหรับของลูกค้า ปัจจุบันได้ทยอยปรับปรุงโครงการเพื่อตอบรับไลฟ์สไตล์คนที่เข้ามาใช้บริการให้ดีมากยิ่งขึ้น 2.) Curated Tenants & Mix คัดสรรผู้เช่าให้แตกต่างกัน และให้เหมาะสมในแต่ล่ะพื้นที่ที่โครงการตั้งอยู่ เพื่อเพิ่มทราฟฟิกของผู้เข้ามาใช้บริการ โดยเตรียมจัดกิจกรรมใหม่ๆอย่างต่อเนื่อง รวมถึงมีแคมเปญเพื่อกระตุ้นกำลังซื้อผ่าน Loyalty Program เช่น Ally Sky Rewards เป็นต้น และ 3.) ESG Leadership การเป็นผู้นำทางด้าน ESG เพราะเป็นสิ่งสำคัญในคอมมูนิตี้มอลล์ เน้นปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลที่ดี