กรุงเทพฯ--13 พ.ค.--ก.ล.ต.
ก.ล.ต. ปรับหลักเกณฑ์เสนอขายตราสารหนี้ คาดหวังให้เอกชนออกตราสารหนี้มากขึ้น โดยให้หลักเกณฑ์สอดคล้องกับระดับความคุ้มครองผู้ลงทุนแต่ละประเภท ซึ่งเป็นการเพิ่มความยืดหยุ่นและลดภาระผู้ออก โดยได้เผยแพร่หลักเกณฑ์ที่จะปรับปรุงพร้อมเหตุผลไว้ที่ www.sec.or.th และเปิดรับฟังความคิดเห็นในเรื่องนี้ จนถึงวันที่ 30 พฤษภาคม 2551
สาระสำคัญของแนวทางการปรับปรุงหลักเกณฑ์ในครั้งนี้ มีดังนี้
1. ปรับปรุงนิยามการเสนอขายหลักทรัพย์แบบเฉพาะเจาะจง (private placement: PP) ให้กว้างขึ้นและสอดคล้องกับแนวทางของต่างประเทศ โดยให้หมายถึงการเสนอขายหุ้นกู้แก่ผู้ลงทุนไม่เกิน 50 ราย ในรอบ 12 เดือน (นับผู้ลงทุนในทุกประเภทหุ้นกู้รวมกัน) จากเดิมหมายถึงการเสนอขายแก่ผู้ลงทุน 10 ราย ในแต่ละประเภทหุ้นกู้ ในรอบ 4 เดือน (ซึ่งคิดเป็นปีละไม่เกิน 30 ราย)
นอกจากนี้ ได้แก้ไขให้การเสนอขายหุ้นกู้แก่ผู้ลงทุนสถาบันและผู้ลงทุนรายใหญ่ ถือเป็นการเสนอขายแบบ PP โดยไม่มีข้อกำหนดเรื่องมูลค่าเสนอขาย (เกณฑ์เดิมกำหนดว่าต้องไม่เกิน 100 ล้านบาท) ซึ่งจะทำให้การออกหุ้นกู้สะดวกมากขึ้น เนื่องจากไม่บังคับการยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขาย (filing) และการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ (credit rating) เนื่องจากผู้ลงทุนกลุ่มนี้น่าจะสามารถปกป้องผลประโยชน์ของตนได้และสามารถเรียกดูข้อมูลที่จำเป็นจากผู้ออกหุ้นกู้ได้เอง อย่างไรก็ดี ผู้ออกหุ้นกู้ต้องจัดให้มีเอกสารชี้ชวนให้ซื้อหุ้นกู้ (offering memorandum) ซึ่งกำหนดให้มีข้อมูลอย่างน้อยเกี่ยวกับหุ้นกู้ที่เสนอขาย
2. ปรับหลักเกณฑ์การยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายเป็นรายโครงการ (shelf filing) สำหรับการเสนอขายตราสารหนี้ระยะสั้นและตราสารหนี้ระยะยาวให้สอดคล้องกัน
3. ในการเสนอขายหุ้นกู้แบบวงกว้าง (Public Offering: PO) ให้ใช้การจัดอันดับหุ้นกู้ (issue rating)เท่านั้น ไม่สามารถใช้การจัดอันดับผู้ออกหุ้นกู้ (issuer rating) แทนได้ เนื่องจากอาจไม่สะท้อนความสามารถ ในการชำระหนี้ของหุ้นกู้ได้อย่างแท้จริง
4. ให้ตั๋วเงินที่สถาบันการเงินเป็นผู้ออก รับรอง หรืออาวัล และไม่มีเงื่อนไขห้ามเปลี่ยนมือเป็นหลักทรัพย์ประเภทหนึ่งที่ ก.ล.ต. กำกับดูแล เนื่องจากตั๋วเงินลักษณะดังกล่าวมีโอกาสที่จะกระจายไปสู่ผู้ลงทุนทั่วไปในวงกว้างได้
ทั้งนี้ ผู้ที่เกี่ยวข้องและผู้ที่สนใจสามารถศึกษารายละเอียดของหลักเกณฑ์ที่ ก.ล.ต. เสนอปรับปรุงได้จากเอกสารรับฟังความคิดเห็นที่เผยแพร่ไว้ที่ www.sec.or.th และแสดงความคิดเห็นและให้ข้อเสนอแนะ
ผ่านทางเว็บไซต์ดังกล่าว หรือที่โทรสารหมายเลข 0-2651-5949 หรือ e-mail: corgov@sec.or.th จนถึง วันที่ 30 พฤษภาคม 2551 โดย ก.ล.ต.จะนำความคิดเห็นและข้อเสนอแนะที่ได้รับมาประกอบการพิจารณาปรับปรุงหลักเกณฑ์ให้เหมาะสมต่อไป และขอขอบคุณในความร่วมมือมา ณ โอกาสนี้