KTAMจับกลุ่มนักลงทุนระยะสั้น เปิดขายพันธบัตรเกาเหลีใต้6เดือน

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday May 13, 2008 16:17 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--13 พ.ค.--บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย
นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทจะเปิดจำหน่ายหน่วยลงทุนกองทุนรวมกรุงไทยตราสารต่างประเทศ6เดือน6 (KTFIF6M6) ในระหว่างวันที่ 14-20 พฤษภาคม 2551 อายุโครงการประมาณ 6 เดือน มูลค่า 1,860 ล้านบาท เป็นกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในตราสารภาครัฐต่างประเทศ / รัฐวิสาหกิจต่างประเทศ เช่น พันธบัตรภาครัฐประเทศเกาหลีใต้ เป็นต้น ไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ส่วนที่เหลือจะลงทุนตราสารหนี้ในประเทศ ทั้งของภาครัฐและเอกชน ซึ่งมีอันดับความน่าเชื่อถือ (Credit Rating) อยู่ในระดับที่สามารถลงทุนได้ (Investment Grade) และกองทุนจะทำการป้องกัน ความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน
นายสมชัย กล่าวต่อไปว่า สถานการณ์การลงทุนในพันธบัตรภาครัฐของประเทศเกาหลีใต้ หลังจากคณะกรรมการนโยบายการเงินของเกาหลีใต้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 5% ทำให้ผลตอบแทนของพันธบัตรภาครัฐเกาหลีใต้ปรับตัวขึ้น ส่วนค่าเงินดอลล่าร์สหรัฐมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง จึงทำให้ค่าเงินวอน และค่าเงินบาทอ่อนค่าลงอย่างมาก ส่งผลให้ผลตอบแทนสุทธิจากการลงทุนในตราสารภาครัฐเกาหลีใต้เมื่อแปลงเป็นสกุลเงินบาทมีความผันผวนในทิศทางที่ลดลง อย่างไรก็ตาม การลงทุนในพันธบัตรภาครัฐเกาหลีใต้ยังมีโอกาสให้ผลตอบแทนที่สูงกว่า การลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐของไทย ที่มีอายุใกล้เคียงกัน โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรภาครัฐเกาหลีใต้อายุ 6 เดือน ให้ผลตอบแทนอยู่ที่ประมาณ 4% ต่อปี ในขณะที่ตราสารหนี้ภาครัฐของไทยอยู่ที่ ประมาณ 3.1% ต่อปี ซึ่งเป็นอัตราผลตอบแทนที่ยังไม่หักค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของกองทุน
กองทุนKTFIF6M6 เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในระยะสั้น และต้องการรอดูทิศทางแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยในปลายปีนี้ ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) อาจจะมีการปรับขึ้น โดยพิจารณาจากตัวเลขอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในเดือนเมษายน อยู่ที่ 6.2% ส่วนอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน อยู่ที่ 2.1% เมื่อคำนวณจากอัตราดอกเบี้ยนโยบายในปัจจุบันที่ 3.25% จะทำให้อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงอยู่ที่ 1.15% ซึ่งนับว่าเป็นอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตค่อนข้างมาก โดยที่ผ่านมาอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงจะอยู่ในระดับเฉลี่ยประมาณ 1.6% ทั้งนี้ หากอัตราเงินเฟ้อสูงขึ้นอีก จะมีความเป็นไปได้ที่ธปท. ต้องพิจารณาปรับอัตราดอกเบี้ย R/P1 วัน ขึ้นประมาณ 25-50 bsp. ในปลายปีนี้ โดยสาเหตุที่ไม่ปรับขึ้นรุนแรง เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐ และเศรษฐกิจโลกมีการชะลอตัว ซึ่งธปท.อาจจะต้องผ่อนปรนในนโยบายต่างๆเพื่อให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจในประเทศ
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
คุณแสงสิริ เนตรอัมพร
โทร 0-2670-4900 ต่อ 1235

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ