กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ ดีพร้อม (DIPROM) เดินหน้าแนวคิด "ชุมชนเปลี่ยน เปลี่ยนชุมชนให้ดีพร้อม" ด้วยการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากด้วยการเปลี่ยนชุมชน โดยใช้เครื่องมือ กระบวนการ หรือเทคโนโลยีที่สอดคล้องกับระดับศักยภาพของแต่ละชุมชนผ่านกิจกรรม สร้างการรับรู้ด้านการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีระบบอัตโนมัติต้นทุนต่ำ ณ โรงแรมไทยนำริเวอร์ไซด์ อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี เพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย หรือสภาพปัญหาภายในชุมชนได้อย่างแท้จริง พร้อมจับมือกับ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ร่วมสร้างการรับรู้และขับเคลื่อนด้าน SMART FARM ด้วยการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีระบบเซนเซอร์อัจฉริยะ และระบบอัตโนมัติต้นทุนต่ำ ณ โรงแรมสองพันบุรี อำเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรี เพื่อช่วยให้เกษตรกรสามารถลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพ และเพิ่มคุณภาพผลผลิตทางการเกษตรในฟาร์ม หวังยกระดับเกษตรไทยสู่เกษตรอุตสาหกรรมสมัยใหม่
นายวาที พีระวรานุพงศ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลเร่งยกระดับการเติบโตของภาคอุตสาหกรรม ด้วยการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และเตรียมความพร้อมรับมือกับรูปแบบเศรษฐกิจแห่งอนาคต เพื่อให้ภาคอุตสาหกรรมเดินหน้าอย่างมั่นคงจำเป็นต้องยกระดับเศรษฐกิจฐานราก เพื่อให้ชุมชนสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน ลดความเหลื่อมล้ำ และสร้างโอกาสในการสร้างรายได้จากต้นทุนที่มีในท้องที่ต่าง ๆ ตามนโยบายของ นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ที่มอบหมายให้ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ ดีพร้อม (DIPROM) เชื่อมกับนโยบาย "RESHAPE THE FUTURE : โลกเปลี่ยน อุตสาหกรรมปรับ พร้อมรับอนาคต" ของ นายภาสกร ชัยรัตน์ อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ในกลยุทธ์การพัฒนาเชิงพื้นที่ (RESHAPE THE AREA) ตามแนวคิด "ชุมชนเปลี่ยน เปลี่ยนชุมชนให้ดีพร้อม" ด้วยการเปลี่ยนชุมชนโดยบริบทของอุตสาหกรรม เชื่อมโยง และเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมแห่งอนาคต (S-Curve) เข้ามามีส่วนร่วมและบทบาทในการเปลี่ยนชุมชนด้วยเครื่องมือ กระบวนการ หรือเทคโนโลยี ที่สอดคล้องกับระดับศักยภาพของชุมชนในแต่ละพื้นที่ซึ่งจะมีส่วนช่วยผลักดันให้เกษตรกรไทยมีความเข้มแข็งและก้าวสู่การเป็นเกษตรอุตสาหกรรมอย่างยั่งยืน พร้อมขับเคลื่อนภาคเกษตรไทยไปสู่เกษตรอุตสาหกรรมสมัยใหม่
นายวาที กล่าวเพิ่มเติมว่า ดีพร้อม (DIPROM) เล็งเห็นความสำคัญในการยกระดับเกษตรสู่เกษตรอุตสาหกรรม จึงได้ดำเนินการถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านเกษตรสมัยใหม่ผ่านกิจกรรม "สร้างการรับรู้ด้านการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีระบบอัตโนมัติต้นทุนต่ำ" ณ โรงแรมไทยนำริเวอร์ไซด์ อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2567 เพื่อให้ชุมชนสามารถนำไปพัฒนาและประยุกต์ใช้ในสถานประกอบการของตนเองผ่านการนำเสนอความสำเร็จของวิสาหกิจชุมชนในการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีระบบอัตโนมัติต้นทุนต่ำ จำนวน 2 ต้นแบบ คือ 1) เครื่องตุ๋นและคั้นกรองแยกกากละเอียดด้วยระบบอัตโนมัติอย่างง่าย สำหรับผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมจากมะกรูด ได้ดำเนินการที่วิสาหกิจชุมชนพึ่งตนคนพอเพียง อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี โดยใช้หลักการกลไกระบบอัตโนมัติอย่างง่ายในการในการตุ๋นมะกรูดที่มีระบบเซนเซอร์วัดอุณหภูมิเพื่อแจ้งสถานะอุณหภูมิ และระบบกรองแยกกากละเอียดด้วยหลักการกว้าน (Winch) ในการบีบอัดเนื้อมะกรูดที่ผ่านกระบวนการตุ๋นแล้ว เพื่อบรรจุลงขวดด้วยวาล์วจากเครื่องแทนการตักกรอกใส่ขวดแบบเดิม และ 2) เครื่องตุ๋นสกัดน้ำมัลเบอร์รี่ ได้ดำเนินการที่วิสาหกิจชุมชนแปลงใหญ่หม่อนผลสด ตำบลจอมบึง อำเภอจอมบึง จังหวัดราชบุรี โดยใช้หลักการกลไกระบบอัตโนมัติอย่างง่ายในการต้ม บีบ/สกัด บรรจุ เช่น หลักการรอกร่วมกับระบบไฟฟ้า เพื่อใช้ในการสกัดน้ำมัลเบอร์รี่ และระบบการตุ๋นมัลเบอร์รี่ผ่านน้ำร้อนด้วยการออกแบบถัง 2 ชั้น ช่วยในการตุ๋นไม่ให้เนื้อมัลเบอร์รี่ติดถัง และยังคงไว้ซึ่งวิตามิน ทั้งหมดนี้เป็นออกแบบกระบวนการให้สามารถผลิตได้เหมาะสมยิ่งขึ้นเข้ากับพื้นที่ และยังบำรุงรักษาได้ง่าย สามารถลดการใช้แรงงานมนุษย์ลงได้ โดยเครื่องจักรทั้ง 2 เครื่องได้ถูกออกแบบ และทดลองใช้จริง จนสามารถลดต้นทุนแรงงาน ลดการใช้พลังงาน และสามารถเพิ่มกำลังการผลิต เกิดผลกระทบทางเศรษฐกิจได้กว่า 3.8 ล้านบาทต่อปี และผลกระทบที่สำคัญ คือ เป็นเครื่องต้นแบบให้กับวิสาหกิจชุมชนอื่น ๆ ได้เข้ามาเรียนรู้การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีต้นทุนต่ำ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพต่อไป
นอกจากนี้ ดีพร้อม (DIPROM) ได้ร่วมมือกับ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ซึ่งเป็นหนึ่งในเครือข่ายความร่วมมือตามแนวคิดดีพร้อมคอนเน็ค (DIPROM CONNECTION) จัดอบรมเชิงปฏิบัติการ หลักสูตร "สร้างการรับรู้และขับเคลื่อนด้าน SMART FARM ด้วยการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีระบบเซนเซอร์อัจฉริยะ และระบบอัตโนมัติต้นทุนต่ำ เพื่อให้ "ชุมชนเปลี่ยน เปลี่ยนชุมชนให้ดีพร้อม" ณ โรงแรมสองพันบุรี อำเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรี ระหว่างวันที่ 24 - 25 กรกฎาคม 2567 และ 22 - 24 สิงหาคม 2567 รวม 5 วัน ด้วยการนำผู้เชี่ยวชาญมาถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องกับเกษตรสมัยใหม่ เพื่อให้ผู้เข้ารับการอบรมสามารถนำไปประยุกต์ พัฒนาและต่อยอดกระบวนการทำงานให้สามารถลดเวลา ลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินธุรกิจและคุณภาพผลผลิต พร้อมถ่ายทอดเทคโนโลยีระบบเซ็นเซอร์อัจฉริยะที่มีบทบาทสำคัญในการช่วยบันทึกข้อมูล และนำไปบริหารจัดการตรวจสอบความเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อม ทำให้เกษตรกรสามารถวิเคราะห์ สั่งการ และควบคุมระบบ พร้อมแนะนำแนวทางการประยุกต์ใช้ระบบอัตโนมัติต้นทุนต่ำ (Karakuri Kaizen) ทำให้เกษตรกรสามารถดำเนินการควบคู่กับการแปรรูปผลผลิตทางการเกษตรอื่น ๆ เพื่อให้เกษตรกรเห็นถึงความสำคัญในการนำเทคโนโลยีระบบอัจฉริยะเข้ามาช่วยลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพ และเพิ่มคุณภาพผลผลิตทางการเกษตรในฟาร์มต่อไปในอนาคตได้อีกด้วย
สำหรับการอบรมเชิงปฏิบัติการครั้งนี้ ผู้เข้าร่วมอบรมจะได้ศึกษาดูงานด้านการบริหารจัดการฟาร์มและทดลองติดตั้งระบบแบบสมาร์ทฟาร์ม ณ วิสาหกิจชุมชนเกษตรปลอดสารพิษสามชุกตลาดร้อยปี จังหวัดสุพรรณบุรี (อุณหภูมิ ตั้งเวลารดน้ำ แร่ธาตุ ความชื้นในดิน อัตราการให้น้ำ) นายวาที กล่าวทิ้งท้าย