'บมจ.เพชรศรีวิชัย เอ็นเตอร์ไพรส์' หรือ PCE ประเมินแนวโน้มอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มปี 2567-2569 เติบโตต่อเนื่องตามการฟื้นตัวของภาวะเศรษฐกิจ คาดปริมาณการผลิตน้ำมันปาล์มดิบของไทยในปี 2569 จะอยู่ที่ 3.6-3.9 ล้านตันต่อปี ขณะที่ความต้องการใช้น้ำมันปาล์มดิบในประเทศ จะเติบโตเฉลี่ยราว 3-5% ต่อปี PCE เตรียมเสนอขาย IPO จำนวน 750 ล้านหุ้น หลัง ก.ล.ต. อนุมัติแบบคำขออนุญาตเสนอขายหุ้น เดินหน้าเพิ่มศักยภาพสร้างการเติบโตในอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มแบบครบวงจร เพื่อเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มของประเทศ
นายประกิต ประสิทธิ์ศุภผล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เพชรศรีวิชัย เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) หรือ PCE เปิดเผยว่า ภาพรวมอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มในช่วง 3 ปีนับจากนี้ (2567-2569) มีทิศทางขยายตัวอย่างต่อเนื่องจากกำลังซื้อภายในประเทศ และความต้องการใช้ในต่างประเทศ โดยมาจากการบริโภคอุปโภค ไม่ว่าจะเป็นในกลุ่มพลังงานทดแทนที่มีความต้องการเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการใช้โอเลโอเคมิคอลเพื่อเป็นส่วนประกอบในสินค้า เช่น เครื่องสำอาง สบู่ ครีมบำรุงผิว เป็นต้น ตลอดจนอุตสาหกรรมน้ำมันไบโอดีเซล สอดคล้องกับการฟื้นตัวของภาวธเศรษฐกิจ ขณะที่ผลผลิตของเมล็ดปาล์มลดลงเล็กน้อย 1-2% ต่อปี หากเกิดภาวะภัยแล้ง อย่างไรก็ดีผลผลิตปาล์มยังมีปัจจัยหนุนจากจำนวนพื้นที่เพาะปลูกที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 2-3 แสนไร่ต่อปี จากนโยบายภาครัฐที่ส่งเสริมให้เกษตรกรขยายพื้นที่เพาะปลูกปาล์มให้ถึง มากกว่า 10 ล้านไร่ ภายในปี 2572 เพื่อเป็นพลังงานทดแทน โดยคาดว่าปริมาณการผลิตน้ำมันปาล์มดิบ (CPO) เฉลี่ยของไทยในปี 2567-2568 จะอยู่ที่ 3.3-3.5 ล้านตันต่อปี และเพิ่มเป็น 3.6-3.9 ล้านตันต่อปีในปี 2569
และมีแนวโน้มเพิ่มเป็น 5 ล้านต้นในอนาคต ขณะที่ความต้องการใช้น้ำมันปาล์มดิบภายในประเทศในระยะ 3 ปี คาดว่าจะเติบโตเฉลี่ยที่ประมาณ 3-5% ต่อปี ประกอบด้วย ความต้องการใช้ภายในประเทศปีละกว่า 2 ล้านตัน โดยแบ่งเป็นบริโภคและอุปโภค ประมาณ 1 ล้านตันเศษ และใช้เพื่อผลิตพลังงาน ประมาณ 1 ล้านตันเศษ และส่วนที่เหลือเป็นการส่งออกไปยังต่างประเทศที่มีความต้องการอย่างต่อเนื่อง เช่น มาเลเซีย อินเดีย จีน และประเทศในแถบยุโรป เป็นต้น
ทั้งนี้กลุ่มบริษัทฯ เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายน้ำมันปาล์มแบบครบวงจรของไทย ซึ่งมีความพร้อมในการจัดการระบบซัพพลายเชน (Supply Chain) ดำเนินการผลิตผลิตภัณฑ์จากปาล์มน้ำมันตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ โดยมีประสบการณ์ในธุรกิจน้ำมันปาล์มกว่า 40 ปี เน้นการขยายธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืน เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ภายใต้แนวคิด "ผู้นำอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์ม ด้วยผลิตภัณฑ์คุณภาพและบริการครบวงจร สู่ความมั่นคงและยั่งยืน" ปัจจุบันแบ่งธุรกิจหลักเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่ 1.) กลุ่มธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำมันปาล์ม น้ำมันไบโอดีเซล และน้ำมันปาล์มโอเลอีนเพื่อการบริโภค รวมถึงรับซื้อน้ำมันปาล์มและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวเนื่องมาจำหน่ายต่อให้กับลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ และการจำหน่ายกระแสไฟฟ้า 2.) กลุ่มธุรกิจให้บริการคลังสินค้าและท่าเทียบเรือ 3.) กลุ่มธุรกิจให้บริการขนส่งสินค้าทางรถ และ 4.) กลุ่มธุรกิจให้บริการขนส่งสินค้าทางเรือ
กลุ่มบริษัทฯ มีผลิตภัณฑ์น้ำมันปาล์มหลากหลายรองรับการใช้งานทั่วทุกอุตสาหกรรม ประกอบด้วย 1.น้ำมันปาล์มดิบ (CPO) สำหรับกลั่นเพื่อเป็นน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์เพื่อใช้ในการบริโภค รวมทั้งกลั่นเพื่อนำมาใช้ในการอุปโภค และผลิตน้ำมันไบโอดีเซล 2.น้ำมันเมล็ดในปาล์ม (CPKO) ใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย เช่น ผลิตกรดไขมันประเภทต่างๆ รวมถึงผลิตน้ำมันไบโอดีเซล 3.น้ำมันปาล์มกึ่งบริสุทธิ์ (RBDPO) และน้ำมันเมล็ดในปาล์มกึ่งบริสุทธิ์ (RBDPKO) ใช้เป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรมต่อเนื่องต่างๆ เช่น อุตสาหกรรมอาหาร เป็นต้น อีกทั้งยังใช้เป็นวัตถุดิบตั้งต้นในการผลิตน้ำมันไบโอดีเซล และน้ำมันปาล์มโอเลอีนเพื่อการบริโภค 4.น้ำมันไบโอดีเซล (B100) 5.น้ำมันปาล์มโอเลอีน (RBDOL) จำหน่ายแก่กลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมอาหารและจำหน่ายแก่ภาคครัวเรือนภายใต้แบรนด์ "รินทิพย์" นอกจากนี้ยังมีผลพลอยได้จากการผลิต (By Product) อาทิ กลีเซอรีน (Glycerin) ใช้เป็นส่วนผสมผลิตภัณฑ์รอบตัว เช่น เครื่องสำอาง อาหาร ยา สบู่ เป็นต้น
ณ ปี 2566 กลุ่มบริษัทฯ มีอัตรากำลังการผลิตน้ำมันไบโอดีเซล (B100) สูงสุดที่ 330,000 ตันต่อปี กำลังการผลิตน้ำมันปาล์มดิบ (CPO) สูงสุดที่ 432,000 ตันต่อปี น้ำมันปาล์มกึ่งบริสุทธิ์ (RBDPO และ RBDPKO) สูงสุดที่ 540,000 ตันต่อปี และน้ำมันปาล์มโอเลอีน (RBDOL) สูงสุดที่ 75,000 ตันต่อปี โดยจำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบ และน้ำมันปาล์มกึ่งบริสุทธิ์ ให้ผู้ประกอบการรายใหญ่ในอุตสาหกรรมที่ต้องใช้น้ำมันปาล์มเป็นวัตถุดิบมาอย่างยาวนาน ทั้งกลุ่มภาคอุตสาหกรรมอาหาร และกลุ่มผู้ค้าน้ำมันเชื้อเพลิง เช่น ปตท. เชฟรอน ไออาร์พีซี บางจาก คาลเท็กซ์ เชลล์ เป็นต้น อีกทั้งยังเป็นผู้ส่งออกน้ำมันปาล์มดิบอันดับ 1 ของประเทศ ผ่านตัวแทนจำหน่ายในต่างประเทศเพื่อจำหน่ายให้กับคู่ค้าในประเทศต่างๆ อาทิ มาเลเซีย อินเดีย จีน และประเทศในแถบยุโรป เป็นต้น โดยมีปริมาณการส่งออกมากกว่า 50% ของปริมาณเกินความต้องการใช้ภายในประเทศ คิดเป็นการส่งออกปีละไม่ต่ำกว่า 5 แสนตัน
ด้านนายสมศักดิ์ ศิริชัยนฤมิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด ในฐานะ ที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า หลังจากที่ บริษัท เพชรศรีวิชัย เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) หรือ PCE ได้ยื่นแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์และแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงาน ก.ล.ต. เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 750 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 1 บาท คิดเป็นสัดส่วนไม่เกินร้อยละ 27.27 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญครั้งนี้ ล่าสุด สำนักงาน ก.ล.ต. ได้อนุมัติแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์ โดยวัตถุประสงค์การเสนอขาย IPO เพื่อนำเงินไปใช้ลงทุนโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มดิบ เครื่องจักรและอุปกรณ์ เพื่อขยายกำลังการผลิต ปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตและลงทุนในธุรกิจเกี่ยวเนื่อง เพื่อต่อยอดสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ และใช้เป็นทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจของกลุ่ม PCE