เปิดประสบการณ์สัมผัสแห่งวัฒนธรรมญี่ปุ่น โรงแรม ดิ โอกุระ เพรสทีจ กรุงเทพฯ ประกาศการกลับมาของงาน Japanese Fair - Sense of Japan 2024

ข่าวท่องเที่ยว Monday August 5, 2024 13:35 —ThaiPR.net

เปิดประสบการณ์สัมผัสแห่งวัฒนธรรมญี่ปุ่น โรงแรม ดิ โอกุระ เพรสทีจ กรุงเทพฯ ประกาศการกลับมาของงาน Japanese Fair - Sense of Japan 2024

จากความสำเร็จอันน่าประทับใจของงาน Japanese Fair ในปี 2566 โรงแรม ดิ โอกุระ เพรสทีจ กรุงเทพฯ ภูมิใจที่จะประกาศการกลับมาอีกครั้งของงานเทศกาลวัฒนธรรมประจำปีอย่างในปีนี้ ภายใต้ธีม "Sense of Japan" ทางโรงแรมขอเชิญชวนทุกท่านร่วมเดินทางอันน่าประทับใจผ่านศิลปะและวัฒนธรรมของประเทศญี่ปุ่น ตั้งแต่วันที่ 01 ถึง 03 พฤศจิกายน 2567

ลองจินตนาการถึงผืนผ้าสีสันสดใสที่ถักทอด้วยเส้นด้ายอันงดงามของวัฒนธรรมอันทรงคุณค่าของประเทศญี่ปุ่น ตลอดช่วงเวลานี้ โรงแรม ดิ โอกุระ เพรสทีจ กรุงเทพฯ จะแปลงโฉมพื้นที่อันหรูหราให้กลายเป็นสวรรค์แห่งประสาทสัมผัส ดื่มด่ำไปกับเสน่ห์ของวัฒนธรรมอันเก่าแก่ ชมศิลปะหัตถกรรมดั้งเดิมจากฝีมือช่างผู้เชี่ยวชาญอย่างใกล้ชิด และเพลิดเพลินกับรสชาติอันเลิศรสของอาหารญี่ปุ่นหลากหลายเมนู

มร. นิกซ์ แฮมเมอร์ ผู้จัดการทั่วไป โรงแรม ดิ โอกุระ เพรสทีจ กรุงเทพฯ ขอเชิญชวนทุกท่านร่วมสัมผัสประสบการณ์การต้อนรับและให้บริการตามแบบฉบับญี่ปุ่นอย่างอบอุ่น "วัฒนธรรมอันยาวนานของประเทศญี่ปุ่นและประเพณีอันน่าหลงใหลเป็นที่มาของแรงบันดาลใจอย่างไม่สิ้นสุด" มร. นิกซ์ แฮมเมอร์กล่าวต่อว่า "แนวปรัชญาโอโมเตะนาชิ (omotenashi) ที่มุ่งมั่นให้บริการก้าวข้าวความคาดหวังเพื่อส่งมอบการต้อนรับและความขอบคุณอย่างซาบซึ้งและจริงใจนั้น สอดคล้องกับปรัชญาที่

Japanese Fair - Sense of Japan at The Okura Prestige Bangkok

โรงแรม ดิ โอกุระ เพรสทีจ กรุงเทพฯ ยึดมั่น เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้นำเสนอกิจกรรมพิเศษนี้ขึ้นอีกครั้ง เพื่อส่งมอบประสบการณ์วัฒนธรรมอันล้ำค่าของประเทศญี่ปุ่น"

ไฮไลท์เมนูของห้องอาหารสำหรับงาน Japanese Fair - Sense of Japan ได้แก่:
ห้องอาหารอัพ แอนด์ อะบัฟ
โอกุระ อาฟเตอร์นูนที โอมากาเสะ กับห้องอาหารเมซซาลูน่า
วันศุกร์ที่ 1 พฤศจิกายน 2567
เวลา 15:00 น.

โรงแรม ดิ โอกุระ เพรสทีจ กรุงเทพฯ ยกระดับศิลปะการจิบน้ำชายามบ่าย ด้วยการเปิดตัว อาฟเตอร์นูนที โอมากาเสะ กับห้องอาหารเมซซาลูน่า อันแสนวิเศษ ความร่วมมืออันวิจิตรบรรจงนี้รวบรวมผลงานศิลปะการทำอาหารของเชฟเซบาสเตียน ฮูแกแวร์ฟ (Sebastiaan Hoogewerf) หัวหน้าพ่อครัวใหญ่ จากโรงแรม ดิ โอกุระ เพรสทีจ กรุงเทพฯ และเชฟ Lucas Dumarski หัวหน้าพ่อครัวขนมหวาน จากห้องอาหารเมซซาลูน่า ห้องอาหารระดับสองดาวมิชลิน ณ โรงแรมเลอบัว แอท สเตททาวเวอร์

ประสบการณ์อาฟเตอร์นูนที โอมากาเสะ อันเป็นเอกลักษณ์นี้จะนำคุณไปสู่ประสบการณ์ทางประสาทสัมผัสผ่านการผสมผสานรสชาติความเป็นญี่ปุ่นอันล้ำค่าเข้ากับความหรูหราสไตล์ยุโรป ทุกท่านจะเพลิดเพลินไปกับชุดอาหารทั้งอาหารคาวและขนมหวานที่คัดสรรมาอย่างพิถีพิถันและปรุงแต่งอย่างประณีต

หัวหน้าพ่อครัวใหญ่ เชฟเซบาสเตียน ฮูแกแวร์ฟ (Sebastiaan Hoogewerf) ผู้นำทัพความร่วมมืออันยอดเยี่ยมนี้ ร่วมกับเชฟ Lucas Dumarski หัวหน้าพ่อครัวขนมหวานชื่อดังแห่งห้องอาหารเมซซาลูน่า ห้องอาหารระดับสองดาวมิชลิน ณ โรงแรม เลอบัว แอท สเตททาวเวอร์ พร้อมมอบประสบการณ์การรับประทานน้ำชายามบ่ายที่น่าประทับใจไม่รู้ลืม ดื่มด่ำไปกับประสบการณ์จิบน้ำชายามบ่ายสุดพิเศษเหนือใคร กับ อาฟเตอร์นูนที โอมากาเสะ กับห้องอาหารเมซซาลูน่า เสมือนพาคุณไปสู่การเดินทางอันน่าหลงใหลของศิลปะการทำอาหารที่ผสมผสานความเป็นญี่ปุ่นและยุโรป เพื่อสร้างสรรค์ช่วงเวลาบ่ายของคุณให้เป็นที่น่าจดจำ

เพิ่มความพิเศษยิ่งขึ้น อาฟเตอร์นูนที โอมากาเสะ กับห้องอาหารเมซซาลูน่า ให้บริการเพียงรอบเดียวเท่านั้น ในวันศุกร์ที่ 1 พฤศจิกายน 2567 เวลา 15:00 น. ด้วยที่นั่งเพียง 8 ที่ ทุกท่านจะได้รับประสบการณ์การจิบน้ำชายามบ่ายแบบใกล้ชิดและส่วนตัว

Japanese Fair - Sense of Japan at The Okura Prestige Bangkok

โอกุระ อาฟเตอร์นูนที โอมากาเสะ พร้อมการจับคู่ของเครื่องดื่มชาเขียวมัทฉะ
วันเสาร์ที่ 2 พฤศจิกายน 2567
เวลา 11:00 น. และ 15:00 น.

จากความสำเร็จอย่างล้นหลามของงาน งาน Japanese Fair - Sense of Japan ในปี 2566 โรงแรม ดิ โอกุระ เพรสทีจ กรุงเทพฯ ภูมิใจอย่างยิ่งที่จะนำเสนอชุดน้พชายามบ่านสุดพิเศษ 'โอกุระ อาฟเตอร์นูนที โอมากาเสะ พร้อมการจับคู่มัทฉะ' สุดพิเศษ ประสบการณ์การสุดพิเศษนี้จัดให้บริการในวันเสาร์ที่ 2 พฤสจิกายน 2567 เวลา 11:00 น. และ 15:00 น. จำกัดจำนวนที่นั่งเพียง 8 ท่าน ต่อรอบ

'โอกุระ อาฟเตอร์นูนที โอมากาเสะ พร้อมการจับคู่มัทฉะ' เป็นการผสมผสานอย่างลงตัวระหว่างความหรูหราและวัฒนธรรม ทุกท่านจะได้สัมผัสการเดินทางสุดเอ็กซ์คลูซีฟ นำทีมโดย เชฟเซบาสเตียน ฮูแกแวร์ฟ (Sebastiaan Hoogewerf) หัวหน้าพ่อครัวใหญ่ โรงแรม ดิ โอกุระ เพรสทีจ กรุงเทพฯ พร้อมการจับคู่เครื่องดื่มแบบดั้งเดิมอย่างชาเขียวมัทฉะที่คัดสรรอย่างพิถีพิถัน โดย Kai Kato มัทฉะมาสเตอร์ ผู้ร่วมก่อตั้ง Ksana

Kai Kato ผู้มากประสบการณ์และหลงใหลในชา อีกทั้งเขายังเป็นผู้นำวงการชาเขียวมัทฉะ ด้วยความหลงใหลในชาเขียวและประเพณีอันลึกซึ้ง Kato ได้สร้างแบรนด์ Ksana ให้เป็นมาตรฐานของมัทฉะชั้นเลิศ ความเชี่ยวชาญในการคัดสรรใบชาชั้นยอดและวิธีการชงมัทฉะแบบดั้งเดิมทำให้เข้าได้รับการยกย่องอย่างแพร่หลาย โอกุระ อาฟเตอร์นูนที โอมากาเสะ พร้อมการจับคู่มัทฉะ Kato ได้รังสรรเมนูมัทฉะที่คัดสรรมาอย่างพิถีพิถันเพื่อเพิ่มรสชาติอันประณีตของน้ำชายามบ่าย

'โอกุระ อาฟเตอร์นูนที โอมากาเสะ' ได้รับแรงบันดาลใจจากแนวคิดโอมากาเสะของประเทศญี่ปุ่นที่มีความหมายตรงตัวว่า "ฉันฝากไว้กับเธอ" ในบริบทของร้านอาหารแปลได้ว่า "ฝากท้องของฉันไว้กับเชฟ" หัวหน้าพ่อครัวใหญ่ เชฟเซบาสเตียน ฮูแกแวร์ฟ (Sebastiaan Hoogewerf) ได้รังสรรค์เมนูอย่างพิถีพิถัน ผ่านการนำเสนอวัตถุดิบที่ดีที่สุดและผสมผสาน โอมากาเสะ แบบดั้งเดิมของญี่ปุ่นและความหรูหราของการจิบน้ำชายามบ่ายแบบยุโรป ทุกท่านจะได้รับประสบการณ์การรับประทานอาหารอันน่าทึ่งและยกระดับการจิบน้ำชายามบ่ายที่ไม่เหมือนใคร

ด้วยจำนวนที่นั่งจำกัดต่อรอบ โรงแรม ดิ โอกุระ เพรสทีจ กรุงเทพฯ มอบบรรยากาศส่วนตัวเพื่อให้ทุกท่านได้ดื่มด่ำบรรยากาศและรสชาติอันเลอค่าของการจิบน้ำชายามบ่ายที่ไม่เหมือนใครได้อย่างเต็มที่ นี่เป็นโอกาสพิเศษที่จะได้สัมผัสความหรูหราในแบบฉบับญี่ปุ่น

Japanese Fair - Sense of Japan at The Okura Prestige Bangkok

ห้องอาหารเอเลเมนท์ อินสไปร์ บาย เซล เบลอ
'A Michelin Starry Night: Whispers of Gastronomic Grandeur'
ห้องอาหารเอเลเมนท์ อินสไปร์ บาย เซล เบลอ / ห้องอาหารเมซซาลูน่า / ซูชิ มาซาโตะ
วันอาทิตย์ที่ 3 พฤศจิกายน 2567
เวลา 18:00 น.

ผู้ที่ชื่นชอบอาหารชั้นเลิศ เตรียมพบกับการจับมือครั้งยิ่งใหญ่ ในวันอาทิตย์ที่ 3 พฤศจิกายน 2567 ณ ห้องอาหารเอเลเมนท์ อินสไปร์ บาย เซล เบลอ ของโรงแรม ดิ โอกุระ เพรสทีจ กรุงเทพฯ การร่วมมือกันของห้องอาหารระดับมิชลิน ร่วมกันรังสรรค์เมนูมื้อค่ำสุดพิเศษร่วมกันในค่ำคืนนี้เท่านั้น ภายใต้ชื่อ 'A Michelin Starry Night: Whispers of Gastronomic Grandeur' โดยได้เชฟระดับดาวมิชลินชื่อดังในกรุงเทพฯ ทั้ง 3 ท่าน มาร่วมกันสร้างสรรค์บทเพลงแห่งรสชาติอันน่าประทับใจ ผ่านเมนูมื้อค่ำ 9 คอร์ส

เริ่มต้นการเดินทางที่สร้างสรรค์ขึ้นอย่างประณีตพิถีพิถัน โดยสุดยอดเชฟทั้ง 3 ท่าน ได้แก่ เชฟเจอราร์ด วิลลาเรท ฮอร์คาโญ (Gerard Villaret Horcajo) ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของห้องอาหารเอเลเมนท์ อินสไปร์ บาย เซล เบลอ ร่วมมือกับเชฟผู้มากความสามารถทั้ง 2 ท่าน อย่างเชฟ Shimizu Masato จากห้องอาหารระดับ 1 ดาวมิชิลิน ซูชิมาซาโตะ ผู้เชี่ยวชาญด้านการทำซูชิโอมากาเสะ และ เชฟ Ryuki Kawasaki จากห้องอาหารระดับ 2 ดาวมิชิลิน เมซซาลูน่า การร่วมงานครั้งนี้เป็นการผสมผสานรสชาติอย่างลงตัวระหว่างความหรูหราของอาหารฝรั่งเศสและความประณีตของอาหารญี่ปุ่น เพื่อสร้างประสบการณ์การรับประทานอาหารที่ยากจะลืมเลือน

เชฟ Shimizu Masato ผู้เชี่ยวชาญด้านการทำอาหารมาอย่างยาวนาน ได้ฝึกฝนฝีมือการทำซูชิระดับสูง จากจุดเริ่มต้นในโตเกียวสู่การคว้าดาวมิชลินในเมืองนิวยอร์ก เชฟได้อุทิศตนทุ่มเทอย่างไม่หยุดยั้งในการมอบประสบการณ์โอมากาเสะที่ดีที่สุด ความใส่ใจในรายละเอียดและความหลงใหลในการทำอาหารของเขาจะปรากฎอยู่ในซูชิทุกคำที่เชฟรังสรรค์ขึ้น

เชฟ Ryuki Kawasaki ผู้รังสรรค์เมนูอาหารฝรั่งเศสในแบบฉบับของตัวเอง ณ ห้องอาหารเมซซาลูน่า ห้องอาหารฝรั่งเศสเพียงหนึ่งเดียวในประเทศไทยที่สามารถครองรางวัลระดับ 2 ดาวมิชลินได้อย่างต่อเนื่องและยาวนานที่สุด ด้วยความรู้ด้านอาหารและวัฒนธรรมของประเทศญี่ปุ่นอย่างลึกซึ้ง เชฟ Kawasaki ได้รังสรรค์เมนูอาหารด้วยการผสมผสานเทคนิคการทำอาหารฝรั่งเศสอันละเอียดอ่อนกับวัตถุดิบชั้นเลิศจากประเทศญี่ปุ่น จนทำให้ห้องอาหารเมซซาลูน่ากลายเป็นตำนานแห่งวงการอาหารได้อย่างสมบูรณ์แบบ

Japanese Fair - Sense of Japan at The Okura Prestige Bangkok

เชฟผู้มากความสามารถทั้ง 3 ท่าน จะร่วมกันนำเสนอเมนู 9 คอร์สที่คัดสรรมาอย่างพิถีพิถัน โดยแต่ละคอร์สแสดงถึงทักษะการทำอาหารอันยอดเยี่ยมของแต่ละท่าน ทุกท่านจะได้สัมผัสถึงการผสมผสานอย่างลงตัวระหว่างความประณีตจากการทำอาหารฝรั่งเศสและความพิถีพิถันตามแบบฉบับญี่ปุ่น โดยได้สอดแทรกกลิ่นอายของงานประจำปี Japanese Fair - Sense of Japan ไว้ได้อย่างแนบเนียน

'A Michelin Starry Night: Whispers of Gastronomic Grandeur' คุณจะได้สัมผัสกับประสบการณ์อันล้ำค่าที่หาได้ยาก ที่รวมสุดยอดฝีมือเชฟระดับดาวมิชลินทั้ง 3 ดวง มาไว้ด้วยกัน พบกับเมนูอาหารชั้นเลิศที่รังสรรค์อย่างพิถีพิถันและสัมผัสค่ำคืนแห่งการเฉลิมฉลองกับศิลปะการทำอาหารชั้นสูงที่ไม่เหมือนใครและมิอาจลืมเลือน

กิจกรรมเวิร์กชอป ณ โรงแรม ดิ โอกุระ เพรสทีจ กรุงเทพฯ ภายในงาน "Japanese Fair - Sense of Japan" ประจำปี 2567

ศิลปะแห่งความไม่สมบูรณ์ กับกิจกรรม คินสึงิ (Kintsugi Workshop)
ณ ห้องอาหารยามาซาโตะ
วันเสาร์ที่ 2 และ 3 พฤศจิกายน 2567
เวลา 11:00 น.

งาน "Japanese Fair - Sense of Japan" ประจำปีนี้ ขอเชิญชวนให้คุณดื่มด่ำไปกับเสน่ห์อันลุ่มลึกของวัฒนธรรมญี่ปุ่น หนึ่งในไฮไลท์ที่พลาดไม่ได้คือเวิร์กช็อปสุดพิเศษ "คินสึงิ" เดือนพฤศจิกายนนี้ โรงแรม ดิ โอกุระ เพรสทีจ กรุงเทพฯ จะเป็นสถานที่อันเงียบสงบให้คุณได้สัมผัสประสบการณ์เหนือกว่าการซ่อมแซมเครื่องปั้นดินเผา ค้นพบปรัชญาอันลึกซึ้งที่สอดแทรกอยู่ในเส้นใยแห่งประเพณีญี่ปุ่น

กิจกรรมคินสึงิ หมายถึงศิลปะการซ่อมแซมด้วยทอง เป็นศิลปะการซ่อมแซมเครื่องปั้นดินเผาที่แตกหักด้วยโลหะมีค่า โดยทั่วไปจะใช้ทองคำเพื่อปิดบังรอยแตกร้าว คินสึงิ คืองานฝีมือสัญชาติญี่ปุ่นที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนาน กลายเป็นปรัชญาและความเชื่อที่ว่า ถ้วยชามที่แตกบิ่นนั้นไม่ควรทิ้งขว้าง แต่ควรซ่อมเพื่อให้พวกมันกลับคืนมามีชีวิตอีกครั้ง

งาน "Japanese Fair - Sense of Japan" ประจำปี 2567 กับกิจกรรมคินสึงิ มอบโอกาสพิเศษให้ทุกท่านได้สัมผัสกับศิลปะอันน่าหลงใหลนี้ พร้อมคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ คุณชยานันท์ อนันตวัชกร (ตูน) ทุกท่านจะได้เรียนรู้เทคนิคอันพิถีพิถันของคินสึงิ ด้วยการซ่อมแซมชิ้นส่วนเซรามิกที่แตกกลับมามีชีวิตอีกครั้ง ด้วยประสบการณ์มากกว่า 10 ปีของการฝึกฝนผลงานตั้งแต่ศิลปะชิ้นโบราณไปจนถึงศิลปะร่วมสมัย คุณตูนคือผู้เชี่ยวชาญแห่งศิลปะโบราณอย่างแท้จริง ความหลงใหลในคินสึงิแสดงให้เห็นถึงความ

Japanese Fair - Sense of Japan at The Okura Prestige Bangkok

สามารถของเขาที่ไม่เพียงแต่ฟื้นฟูสิ่งของให้กลับมาใช้งานได้อีกครั้ง แต่ยังยกระดับวัตถุที่แตกหักให้กลายเป็นศิลปะที่มีคุณค่าและน่าทึ่งอีกด้วย

"คินสึงิเป็นมากกว่าเทคนิคการซ่อมแซม" คุณตูนกล่าว แต่ยังเป็นการค้นพบความงามในความไม่สมบูรณ์แบบ และการมอบชีวิตใหม่ให้กับวัตถุอันเป็นที่รัก ผมรู้สึกตื่นเต้นที่จะแบ่งปันความรู้และความหลงใหลของผมให้กับทุกท่าน กิจกรรมนี้เป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมการทำสมาธิ อีกทั้งยังช่วยให้เข้าใจถึงวัฒนธรรมของประเทศญี่ปุ่นได้อย่างลึกซึ้ง วัฒนธรรมที่ให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่งต่อความเคารพ การฟื้นฟู และการแสวงหาความงดงามตามธรรมชาติที่พบได้จากความไม่สมบูรณ์

ภายในกิจกรรมทุกท่านจะได้อิ่มอร่อยไปกับ โชกาโดะ เบนโตะ อาหารมื้อกลางวันสุดพิเศษที่รังสรรค์จากห้องอาหารยามาซาโตะ ห้องอาหารญี่ปุ่นต้นตำรับ โรงแรม ดิ โอกุระ เพรสทีจ กรุงเทพฯ มื้ออาหารอันประณีตนี้ประกอบด้วยอาหารญี่ปุ่นต้นตำรับอันน่ารื่นรมย์ ที่จะช่วยให้คุณเติมเต็มประสบการณ์และดื่มด่ำกับวัฒนธรรมแบบฉบับญี่ปุ่นได้อย่างสมบูรณ์แบบ

กิจกรรมคินสึงิ จัดขึ้นในวันเสาร์ที่ 2 และวันอาทิตย์ที่ 3 พฤศจิกายน 2567 เวลา 11:00 น. ถือเป็นโอกาสอันดีที่คุณจะได้เรียนรู้ทักษะศิลปะและยังได้รับความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับปรัชญาความงดงามแบบฉบับญี่ปุ่น เริ่มต้นการเดินทางแห่งการสำรวจศิลปะและค้นพบวัฒนธรรมแบบญี่ปุ่น ณ งาน "Japanese Fair - Sense of Japan" ประจำปี 2567 กับกิจกรรมคินสึงิ

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและสำรองที่นั่ง ติดต่อ 02 687 9000 หรืออีเมล fb.concierge@okurabangkok.com


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ