"Socialgiver" จับมือ "มูลนิธิพู่กัน" เปิดตัวนิทรรศการศิลปะ "Line of Youth" ผลงานเยาวชนชาวชุมชนคลองเตย พร้อมระดมทุนไว้สานต่อหลักสูตรศิลปะและดนตรีให้ได้เรียนฟรีต่อเนื่องต่อไป หลังจากดำเนินการมา 10 ปี พบหลักสูตรนี้เป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างภูมิคุ้มกันเยาวชนกลุ่มเปราะบางไม่ให้หันไปพึ่งสารเสพติดหรือนิยมความรุนแรง
พลังของ Soft Power มีมากมาย และอีกตัวอย่างหนึ่งดังกิจกรรมนิทรรศการศิลปะจากฝีมือเด็ก ๆ ในชุมชนคลองเตย "Line of Youth" กำหนดจัดแสดงในวันที่ 5-11 สิงหาคมนี้ ที่โรงแรม The Fig Lobby ถนนริมทางรถไฟ พระราม 4 ตั้งแต่เวลา 10.00 - 20.00 น. ด้วยความร่วมมือระหว่าง Socialgiver วิสาหกิจเพื่อสังคมเพื่อการช็อปและช่วย มูลนิธิพู่กัน และ The Fig Lobby เพื่อระดมทุนหาเงินสนับสนุนการจัดวิชาเรียนดนตรีและศิลปะให้เด็ก ๆ ในชุมชนต่อไป ตลอด 10 ปีที่ดำเนินการมีเยาวชนจากชุมชนแห่งนี้ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาเข้าเรียนจำนวน 60 คน/ปี และถึงวันนี้มีความพร้อมที่จะขยายผลให้มีผู้เรียนจำนวนมากขึ้น
ดังที่ทราบกันดีว่า "ชุมชนคลองเตย" กรุงเทพฯ เป็นหนึ่งในชุมชนแออัดและยากจน เด็ก ๆ ที่เติมโตในชุมชนต้องเผชิญกับข้อจำกัดและความเสี่ยงมากมายหลายด้าน เช่น ความรุนแรงในครอบครัว การตั้งครรภ์ในวัยรุ่น หรือแม้แต่ปัญหาการใช้พวกสารเสพติดและของมึนเมา มูลนิธิพู่กันจึงมุ่งสร้างกิจกรรมที่สามารถเพิ่มโอกาสเด็กชาวชุมชนคลองเตยได้เข้าถึงการเรียนรู้และมีพื้นที่แสดงออกอย่างสร้างสรรค์ ผ่านวิชาเรียนดนตรีและศิลปะ
คุณวชัญษา แสนคำ ผู้ประสานงาน มูลนิธิพู่กัน กล่าวว่า การที่เด็กได้มาเรียนดนตรีและศิลปะกับมูลนิธิเหมือนการเปิดประตู เปิดหน้าต่างหลาย ๆ บานให้กับชีวิต ไม่ใช่แค่จะได้ทักษะติดตัวเพิ่ม แต่ยังได้ฝึกวินัย สมาธิ ฝึกการทำงานเป็นทีม และเสริมเรื่องความคิดสร้างสรรค์ และเป็นการเปิดโอกาสให้เด็ก ๆ ได้แสดงความเป็นตัวเองออกมาอย่างเต็มที่ ทำให้เด็ก ๆ เห็นว่าชีวิตนี้ยังมีโอกาสรอพวกเขาอยู่อีกมาก
ในฐานะวิสาหกิจเพื่อสังคม Socialgiver พื้นที่กลางเชื่อมโยงผู้บริจาคและโครงการเพื่อสังคม พร้อมสนับสนุนกลุ่มคนที่พยายามแก้ไขปัญหาในประเด็นต่างๆ ที่เป็นคนทำงานจริง ขณะเดียวกันต้องมั่นใจได้ว่าเงินสนับสนุนที่ให้กลับคืนสู่สังคมนั้นจะถูกนำเอาไปใช้อย่างโปร่งใสและตรวจสอบได้
คุณลีนา ชุมนุมพันธ์ ผู้จัดการงานสร้างผลกระทบทางสังคม โซเชียลกีฟเวอร์ กล่าวถึงมูลนิธิพู่กันว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา มูลนิธิฯได้พิสูจน์ให้เห็นถึงความทุ่มเท ตั้งใจ ทั้งคุณครูและทีมงานทุกคนชัดเจนมาก และยังเป็นมูลนิธิที่มีแผนการทำงานและแผนงานใช้เงินทุกบาทได้อย่างคุ้มค่าจนรู้สึกดีและมั่นใจแทนผู้สนับสนุนทุกคน
"ตัวเด็กเข้าร่วมกิจกรรมจะมีทุกกลุ่มวัย จากการสังเกต เด็กๆ ที่เข้าเรียนจะใกล้ชิดกับคุณครู จึงสามารถปรึกษาเรื่องราวต่างๆกับคุณครูได้ รวมไปถึงเรื่องชีวิตส่วนตัว โอกาสที่เด็กจะมีพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ย่อมมีความเสี่ยงน้อย"
นิทรรศการของเด็กๆ ในครั้งนี้ ยังได้รับการสนับสนุนจากธุรกิจโรงแรมสุดฮิปอย่าง The Fig Lobby ที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากชุมชนคลองเตย ด้วยคุณค่าหลักเน้นด้านการอยู่ร่วมกันอย่างกลมกลืน หรือ "Inclusive Community" ซึ่งหมายรวมไปถึงชุมชนและเพื่อนบ้านอีกด้วย การเปิดพื้นที่ให้คนในชุมชนมีส่วนร่วม ไม่ว่าจะผ่านการจ้างงาน สนับสนุนธุรกิจชุมชน หรือให้พื้นที่จัดกิจกรรมต่างๆ แก่ชุมชน
คุณจิรวัฒน์ ปิยจินดาวงศ์ ผู้จัดการทั่วไป โรงแรม The Fig Lobby กล่าวว่า เด็กเปรียบเหมือนผืนแคนวาสสีขาวที่รอการแต่งแต้มเติมสีจากผู้ใหญ่ สนับสนุนให้พวกเค้าเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดี ใช้ชีวิตอย่างมีสีสันโดยไม่มีกรอบคิดใดๆ มาปิดกั้น ไม่แบ่งแยกและเปิดใจรับทุกความต่าง สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้เด็กคนหนึ่งได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข โรงแรมจึงยินดีที่จะขับเคลื่อนสังคมให้ดีขึ้นในอนาคต
กิจกรรมครั้งนี้ นอกจากจะเป็นเวทีในการแสดงผลงานและความสามารถของน้อง ๆ แล้วนั้นยังเป็นอีกตัวอย่างของการร่วมมือกันระหว่างภาคสังคมและภาคธุรกิจ แน่นอน ยังต้องการการสนับสนุนจากภาคประชาชนอีกด้วยเพื่อขยายขอบเขตแห่งการให้กลับคืนสู่สังคม โดยทุก 189 บาทสามารถส่งให้เยาวชนในชุมชนคลองเตย 1 คนได้เรียนดนตรีหรือศิลปะเป็นเวลา 1 เดือน ทั้งนี้ มูลนิธิฯจะเป็นผู้ดำเนินการสรรหาครูที่พร้อมจะทำกิจกรรมร่วมกับเยาวชน 3 ชั่วโมง/สัปดาห์ และมีรายได้ที่ 300 บาท/ชั่วโมง ซึ่งค่าใช้จ่ายสำหรับการจ้างครูคิดเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 68,000 บาท/ปี