MGC-ASIA โชว์ฟอร์ม Q2/67 เทิร์นอะราวด์ กำไรทะยาน 50 ล้านบาท เพิ่ม 628.4%

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday August 14, 2024 13:17 —ThaiPR.net

MGC-ASIA โชว์ฟอร์ม Q2/67 เทิร์นอะราวด์ กำไรทะยาน 50 ล้านบาท เพิ่ม 628.4%

MGC-ASIA โชว์ฟอร์ม Q2/67 เทิร์นอะราวด์ กำไรทะยาน 50 ล้านบาท เพิ่ม 628.4% ยานยนต์ไฟฟ้า XPENG-ZEEKR ธุรกิจบริการด้านการเงิน ALPHA X - Wealth Lending และ Howden-Maxi หนุนธุรกิจเติบโต เล็งผนึกพันธมิตรลุยธุรกิจรีไซเคิลแบตฯ เสริมแกร่งระบบนิเวศ EV ครบวงจร

บมจ. มิลเลนเนียม กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) หรือ MGC-ASIA ประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2567 ทำรายได้จากการขายและบริการ 5,304 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิทำได้ 50 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17% และ 628.4% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าตามลำดับ แบรนด์ยานยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะผลตอบรับดี เร่งเครื่องขยายธุรกิจ รับดีมานด์พุ่ง เซ็นสัญญาตัวแทนจำหน่าย 12 ราย พร้อมเปิดโชว์รูมและศูนย์บริการต้นแบบ XPENG หัวหมาก รวมถึงศูนย์บริการ ZEEKR ศรีนครินทร์และวิภาวดี เดินหน้าขยายระบบนิเวศทางธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าครบวงจร จับมือพันธมิตรศึกษาความเป็นไปได้ธุรกิจรีไซเคิลแบตเตอรี่ EV ขณะธุรกิจให้บริการด้านการเงินครบวงจร ALPHA X - Wealth Lending เริ่มมีผลกำไรจากการดำเนินงาน และธุรกิจประกันภัย HOWDEN MAXI หนุนธุรกิจเติบโต

ดร.สัณหวุฒิ ธรรมชวนวิริยะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท มิลเลนเนียม กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2567 (เมษายน-มิถุนายน) เติบโตแข็งแกร่ง บริษัทฯ มีรายได้จากการขายและบริการ 5,304 ล้านบาท เติบโตขึ้น 17% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน ขณะที่กำไรสุทธิทำได้ 50 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 628.4% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า โดยรายได้และกำไรสุทธิที่เติบโต มาจากการรับรู้รายได้จากการส่งมอบรถยนต์ที่จองในงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ 2024 นอกจากนี้ เพื่อเพิ่มศักยภาพการเติบโตของธุรกิจ และรับเทรนด์การเปลี่ยนแปลงสู่ยานยนต์ไฟฟ้า บริษัทได้มีการเปิดตัวแบรนด์ยานยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะ XPENG ซึ่งเป็นยานยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะระดับพรีเมียมไฮ-เทค และ ซีคเกอร์ ZEEKR ยานยนต์ไฟฟ้าระดับพรีเมียม-ลักชัวรี่ ซึ่งได้รับการตอบรับดีกว่าที่คาดการณ์
จากการเปิดตัวในงานฯ ที่ผ่านมา และมีการจองเข้ามาอย่างต่อเนื่อง บริษัทฯ พร้อมส่งมอบรถยนต์ เริ่มรับรู้รายได้ในช่วงไตรมาส 3/2567

ขณะที่แนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลัง 2567 มีปัจจัยส่งเสริมการเติบโตในทุกกลุ่มธุรกิจ ดังนี้

  • กลุ่มธุรกิจค้าปลีกยานยนต์ (Mobility Retail) ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2567 บริษัทฯ มียานยนต์รอส่งมอบ (Backlog) ทั้งสิ้น 1,235 คัน และเรือยอทช์ AZIMUT รอส่งมอบ 1 ลำ และมีการขยายบริการเช่าเหมาลำ ภายใต้แบรนด์ AZIMUT และ CHRIS-CRAFT เพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจท่องเที่ยว นอกจากนี้ บริษัทฯ มีแผนจะขยายธุรกิจจำหน่ายยานยนต์ไฟฟ้าเพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต โดยในช่วงไตรมาส 3/2567 เตรียมเปิดศูนย์ให้บริการยานยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะ XPENG สาขาหัวหมาก พร้อมลงนามแต่งตั้งตัวแทนจำหน่าย เพื่อขยายช่องทางการจัดจำหน่าย รวม 12 ราย และยังได้การตอบรับจากผู้สนใจมาสมัครเป็นตัวแทนจำหน่ายอย่างต่อเนื่อง เปิดตัวยานยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะรุ่น G6 ซึ่งคาดว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากกลุ่มลูกค้า ส่วนแบรนด์ยานยนต์ไฟฟ้า ZEEKR บริษัทฯ เริ่มส่งมอบยานยนต์ไฟฟ้าให้แก่ลูกค้าแล้ว และในช่วงไตรมาส 3/2567 เตรียมเปิดศูนย์ให้บริการครบวงจร สาขาศรีนครินทร์ และวิภาวดี
  • ธุรกิจให้บริการหลังการขายและให้บริการซ่อมบำรุงรถยนต์อิสระ (Aftersales and Car Maintenance Services) รายได้ของกลุ่มธุรกิจให้บริการหลังการขายและซ่อมบำรุง ถือเป็นธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำ (Recurring Income) ให้แก่บริษัทฯ และมีศักยภาพเติบโตตามยอดจำหน่ายยานยนต์ที่เพิ่มขึ้น และบริษัทฯ ยังได้รับสิทธิ์ในการดำเนินธุรกิจศูนย์บริการซ่อมสีและตัวถังรถยนต์ไฟฟ้า Tesla Approved Body Shop (TAB) แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย ซึ่งจะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้กลุ่มธุรกิจ
  • ธุรกิจบริการเช่ารถยนต์ ทั้งระยะสั้นและระยะยาวพร้อมพนักงานขับ (Car Rental and Driver Services) บริษัทฯ ยังคงแดินหน้าขยายธุรกิจบริการเช่ารถยนต์ทั้งระยะสั้นและระยะยาวพร้อมพนักงานขับรถ โดยมุ่งเน้น 5 กลยุทธ์หลัก ได้แก่ การสร้างความเชื่อมั่นในแบรนด์และให้ความสำคัญกับลูกค้า, พัฒนานวัตกรรมผ่านแอปพลิเคชัน, ร่วมมือกับพันธมิตร, ขยายบริการรถยนต์ไฟฟ้าในหัวเมืองใหญ่, และเพิ่มรถยนต์พรีเมียม รวมถึงรถบรรทุกเชิงพาณิชย์ เพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของลูกค้า
  • กลุ่มธุรกิจอื่นๆ (Other Services) ALPHA X ผู้ให้บริการทางการเงินครบวงจรที่เกิดจากการร่วมทุนระหว่าง MGC-ASIA และ SCBX เติบโตอย่างแข็งแกร่ง บริษัทฯ มีผลการดำเนินงานเป็นกำไรสุทธิก่อนตั้งสำรอง (Pre-Provision Operating) เป็นไตรมาสแรก จากการเพิ่มขึ้นของพอร์ตสินเชื่อย่างต่อเนื่อง และส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (Net Interest Margin) ซึ่งเติบโตจากการขยายธุรกิจ Wealth Lending ให้กลุ่มลูกค้ามั่งคั่ง (High-Net-Worth)รวมทั้งการบริหารจัดการต้นทุนทางการเงินและต้นทุนการดำเนินงานได้ดี ส่งผลให้ความสามารถในการทำกำไรเติบโตดีต่อเนื่อง นอกจากนี้ ฮาวเด้น แมกซี่ อินชัวรันส์ โบรกเกอร์ ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง ด้วยกลยุทธ์การนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ตอบรับกระแส ESG และเมกะเทรนด์ต่างๆ โดยมีรายได้สุทธิเติบโต 5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการประกันภัยทรัพย์สิน อัญมณี เครื่องประดับ งานศิลปะ และโครงการพิเศษ โดยมีรายได้เติบโตจากลูกค้ารายใหญ่ รายใหม่ ส่วนกำไรสุทธิอยู่ที่ 59 ล้านบาท เกินเป้าหมายที่วางไว้ 3% ซึ่งเกิดจากการควบคุมต้นทุนการบริหารและค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ บริษัทมั่นใจว่าจะสามารถทำตามเป้าหมายการเติบโตที่คาดหวังไว้ประมาณ 7% จากปีก่อน
  • ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร MGC-ASIA กล่าวว่า ?MGC-ASIA มุ่งขยายระบบนิเวศทางธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าครบวงจร
    (EV Ecosystem) อย่างต่อเนื่อง ล่าสุด บริษัท นีโอ โมบิลิตี้ เอเชีย จำกัด ผู้นำธุรกิจให้บริการด้านยานยนต์ไฟฟ้าแบบครบวงจร ได้ประกาศความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับ PRIMOBIUS บริษัทผู้เชี่ยวชาญด้านการรีไซเคิลแบตเตอรี่จากเยอรมนี โดยทั้งสองบริษัทจะร่วมกันศึกษาความเป็นไปได้ในการจัดตั้งธุรกิจรีไซเคิลแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย ซึ่งนับเป็นก้าวสำคัญในการส่งเสริมเศรษฐกิจหมุนเวียนและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว?

    ความร่วมมือครั้งนี้ไม่เพียงตอกย้ำความมุ่งมั่นของ นีโอ โมบิลิตี้ เอเชีย ในการเป็นผู้นำธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าอย่างครบวงจร แต่แสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ของบริษัท ในการสร้างอนาคตที่ยั่งยืนผ่านการจัดการทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพและรับผิดชอบต่อสังคม โดยความเชี่ยวชาญและเทคโนโลยีขั้นสูงของ PRIMOBIUS จะช่วยให้ นีโอ โมบิลิตี้ เอเชีย นำแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าที่หมดอายุการใช้งานกลับมาใช้ประโยชน์ได้อีกครั้ง ช่วยลดการพึ่งพาทรัพยากรใหม่และลดปริมาณขยะอิเล็กทรอนิกส์ นอกจากนี้ ความร่วมมือครั้งนี้ยังสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลไทย ในการส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้า และการพัฒนาอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะช่วยขับเคลื่อนประเทศไทยไปสู่สังคมคาร์บอนต่ำและเศรษฐกิจสีเขียว

    MGC-ASIA มุ่งมั่นที่จะเติบโตอย่างต่อเนื่องในเทรนด์รถยนต์ไฟฟ้า (EV) ด้วยการขยายระบบนิเวศทางธุรกิจ อย่างครบวงจร สอดคล้องกับ Paris Agreement ที่เป็นความตกลงตามกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติ ว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (United Nations Framework Convention on Climate Change-UNFCCC) ตั้งแต่การจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าแบรนด์ชั้นนำ การให้บริการหลังการขายซ่อมบำรุง บริการด้านการเงินและประกันภัย รวมถึงศึกษาความเป็นไปได้ของการดำเนินธุรกิจรีไซเคิลแบตเตอรี่ ซึ่งจะเติบโตอย่างมากในอนาคต เราเชื่อมั่นว่าการลงทุนในธุรกิจเหล่านี้ จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่ง เพื่อมุ่งสู่การเป็นผู้นำในธุรกิจเกี่ยวกับยานยนต์ไฟฟ้าครบวงจรตั้งแต่ต้นถึงปลายน้ำ และสร้างการเติบโต
    อย่างยั่งยืนให้กับบริษัทฯ ในระยะยาว


    เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ