ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่า อัลไล หรือ ALLY เผยผลงานไตรมาส 2/2567 เติบโตแข็งแกร่ง ทำกำไรจากการลงทุนสุทธิ 157.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.6% และมีรายได้รวม 419.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.2% จากไตรมาสก่อนหน้า รักษาอัตราการเช่าพื้นที่เฉลี่ยสูงถึง 93.2% บอร์ดไฟเขียวจ่ายปันผลจากผลงานไตรมาส 2/67 ที่ 0.1330 บาทต่อหน่วย เตรียมจัดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นขออนุมัติเพิ่มแหล่งเงินทุนจากสภาพคล่องส่วนเกินของกองทรัสต์ สะท้อนฐานะการเงินแข็งแกร่ง
นายกวินทร์ เอี่ยมสกุลรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อัลไล รีท แมนเนจเมนท์ จำกัด ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์อัลไล หรือ ALLY เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2567 (เมษายน - มิถุนายน) ของทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่า อัลไล (ALLY) สามารถทำกำไรจากการลงทุนสุทธิ 157.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.6% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) ที่มีกำไรจากการลงทุนสุทธิ 155.4 ล้านบาท โดยมีรายได้รวมอยู่ที่ 419.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.2% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) ที่ทำได้ 406.0 ล้านบาท จากการบริหารโครงการอย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้รายได้ค่าเช่าและค่าบริการเพิ่มขึ้น 2.7% (QoQ) อีกทั้ง กองทรัสต์ฯ มีรายได้เพิ่มขึ้นจากการให้เช่าพื้นที่จัดกิจกรรม (อีเวนต์) ในช่วงเทศกาลต่างๆ ทำให้ปริมาณลูกค้าเข้าใช้บริการที่ศูนย์การค้าเพิ่มขึ้นกว่า หนุนอัตราการเช่าพื้นที่เฉลี่ยเพิ่มขึ้นเป็น 93.2%
ทั้งนี้ หลังจากกองทรัสต์ฯ ได้รับโอนสินทรัพย์ใหม่โครงการ ?แฮปปี้ อเวนิว ดอนเมือง? เป็นที่เรียบร้อยในไตรมาส 2/2567 ส่งผลให้ ณ สิ้นไตรมาส 2/2567 กองทรัสต์มีพื้นที่เช่าสุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 164,515 ตรม. โดยมีอัตราค่าเช่าเฉลี่ย 590 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือน นอกจากนี้ กองทรัสต์ฯ สามารถต่อสัญญากับผู้เช่ารายเดิม (Retention Rate) ได้กว่า 87.9% และทำสัญญากับผู้เช่ารายใหม่อีกกว่า 26 ราย จากธุรกิจหลากหลาย เช่น ธุรกิจความสวยความงามและสุภาพ ธุรกิจร้านอาหาร ธุรกิจ Home and Decorate เป็นต้น
ล่าสุดกองทรัสต์ฯ พิจารณาจ่ายประโยชน์ตอบแทนจากผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2567 ที่อัตรา 0.1330 บาทต่อหน่วย มูลค่ารวม 116.3 ล้านบาท คิดเป็นอัตราผลตอบแทน 11.7% เมื่อเทียบกับราคาตลาดของหน่วยทรัสต์ ALLY ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2567 ที่ 4.50 บาทต่อหน่วย โดยมีกำหนดวันปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหน่วยทรัสต์ (Book Closing) เพื่อสิทธิในการรับประโยชน์ตอบแทนในวันที่ 27 สิงหาคม 2567 และจ่ายประโยชน์ตอบแทนแก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์ในวันที่ 19 กันยายน 2567 นอกจากนี้ ในไตรมาส 2/2567 ALLY ได้ชำระคืนเงินต้น 28 ล้านบาทแก่สถาบันการเงิน ซึ่งสะท้อนความแข็งแกร่งด้านฐานะการเงินและส่งผลดีในระยะยาวต่อต้นทุนทางการเงินที่ดีลดลง
นายกวินทร์ กล่าวอีกว่า ภาพรวมเศรษฐกิจไทยในช่วงที่เหลือของปี 2567 คาดว่าจะฟื้นตัวต่อเนื่อง ปัจจัยหลักมาจากการท่องเที่ยวฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง คาดว่าจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยกว่า 33 ล้านคน ส่งผลดีต่อโครงการของ ALLY ที่อยู่ในแหล่งท่องเที่ยว โดยเฉพาะศูนย์การค้าแอมพาร์ค ในย่านบรรทัดทอง และโครงการกาดฝรั่ง จังหวัดเชียงใหม่ ที่มีอัตราการเช่าพื้นที่เฉลี่ยต่อไตรมาสเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วมาอยู่ที่ระดับมากกว่า 90% นอกจากนี้ ตัวเลขดัชนี Retail sales index ที่ประเมินว่ามีการจับจ่ายใช้สอยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการบริโภคภาคเอกชน (Private consumption) คาดว่าจะส่งผลดีต่อธุรกิจค้าปลีกและความต้องการเช่าพื้นที่ที่เพิ่มขึ้น
ขณะที่แนวโน้มผลการดำเนินงานครึ่งปีหลังของปีนี้คาดว่าจะดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากจะรับรู้รายได้เพิ่มขึ้นจากโครงการ ?แฮปปี้ อเวนิว ดอนเมือง ซึ่งเป็นสินทรัพย์ใหม่ที่รับโอนกรรมสิทธิเข้ามาเป็นที่เรียบร้อยตั้งแต่ไตรมาส 2/2567 โดยโครงการดังกล่าวมีอัตราการเช่าพื้นที่เฉลี่ยกว่า 94% และคาดว่าจะมีอัตราผลตอบแทน (Yield) ปีแรกกว่า 6.7% นอกจากนี้ ได้วางแผนให้ ALLY ขยายการลงทุนในสินทรัพย์ใหม่อย่างสม่ำเสมอทุกปี โดยมีเกณฑ์การพิจารณาคัดเลือกโครงการที่จะเข้าลงทุน ได้แก่ 1.) Location อยู่ในโซนที่มีกำลังซื้อที่ดีและมีอัตราเติบโตต่อเนื่อง 2.) Asset มีการดีไซน์ที่เข้าถึงง่าย สะดวกสบาย ปรับปรุงโครงการอยู่เสมอ 3.) Tenants มีผู้เช่าที่แข็งแกร่ง 4.) Sponsor เป็นผู้พัฒนาโครงการที่มีชื่อเสียงและมีประสบการณ์ และ 5.) Financial มีผลการดำเนินงานที่ดี โดยพิจารณาจาก IRR (อัตราผลตอบแทนการลงทุนภายใน) และ Yield (อัตราผลตอบแทน) ต้องสามารถเติบโตในทุกสถานการณ์ โดยปัจจุบันกองทรัสต์ฯ อยู่ระหว่างพิจารณาโอกาสลงทุนสินทรัพย์ใหม่อีก 1 โครงการในปีนี้ ซึ่งจะเป็นโครงการคอมมูนิตี้มอลล์ขนาดเล็กแต่มีศักยภาพการเติบโตสูง คาดว่าจะสรุปได้ภายในสิ้นปี 2567
พร้อมกันนี้ กองทรัสต์ฯ เตรียมจัดประชุมวิสามัญ (E-AGM) ผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2567 ในวันที่ 30 กันยายน 2567 เวลา 10.00 ? 12.00 น. เพื่อขออนุมัติเพิ่มแหล่งเงินทุนจากสภาพคล่องส่วนเกินของกองทรัสต์ ALLY เพื่อสร้างการเติบโตและยังสะท้อนถึงฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง