สคร.12 สงขลา เฝ้าระวังโรคฝีดาษวานร (Mpox) ย้ำ ป้องกันได้

ข่าวทั่วไป Thursday August 15, 2024 14:29 —ThaiPR.net

สคร.12 สงขลา เฝ้าระวังโรคฝีดาษวานร (Mpox) ย้ำ ป้องกันได้

สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 12 จังหวัดสงขลา (สคร.12 สงขลา) แนะนำประชาชนเฝ้าระวังโรคฝีดาษวานร (Mpox) พร้อมเน้นย้ำ โรคฝีดาษวานร ป้องกันได้ โดย WHO เตรียมพิจารณาประกาศยกระดับภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุข หลังสถานการณ์โรคฝีดาษวานรที่เพิ่มขึ้นในทวีปแอฟริกาอย่างต่อเนื่อง พบว่า ร้อยละ 70 เป็นผู้ป่วยเด็ก

นายแพทย์เฉลิมพล โอสถพรมมา ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 12 จังหวัดสงขลา  กล่าวว่า จากสถานการณ์โรคฝีดาษวานรในประเทศไทย ตั้งแต่ วันที่ 1 มกราคม - 14 สิงหาคม 2567 พบผู้ป่วยยืนยัน 136 ราย เสียชีวิต 2 ราย โดยเป็นเพศชาย 134 ราย และเพศหญิง 2 ราย สำหรับ 7 จังหวัดภาคใต้ตอนล่าง พบผู้ป่วยยืนยัน 8 ราย ไม่พบผู้มีอาการรุนแรง หรือเสียชีวิต ทั้งหมดเพศชาย และสัญชาติไทย อายุระหว่าง 22 - 43 ปี พบในจังหวัดสงขลาทั้งหมด โดยส่วนใหญ่ผู้ป่วยมีประวัติเสี่ยง คือ มีเพศสัมพันธ์กับบุคคลที่ไม่รู้จัก

อาการของโรคฝีดาษวานร ที่พบบ่อย ได้แก่ มีผื่น มีไข้ ปวดกล้ามเนื้อ ต่อมน้ำเหลืองโต และอาการคัน  โดยจะเกิดขึ้นหลังมีความเสี่ยงประมาณ 5-21 วัน หากมีอาการเหล่านี้ให้รีบพบแพทย์ทันที เพื่อตรวจหาเชื้อได้ที่โรงพยาบาลทุกแห่งทั่วประเทศ ซึ่งจะทราบผลตรวจภายใน 1-5 วัน ระหว่างรอผลตรวจ แนะนำให้แยกของใช้ส่วนตัว และแยกพื้นที่กับผู้ที่อยู่ร่วมบ้าน เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ สำหรับผู้ติดเชื้อที่แสดงอาการแล้ว สามารถแพร่เชื้อได้ และจะพ้นระยะแพร่เชื้อเมื่อตุ่มหรือแผลแห้งและแผลหายดีแล้ว ซึ่งอาจใช้เวลา    ประมาณ 2-4 สัปดาห์    

นายแพทย์เฉลิมพล กล่าวเพิ่มเติมว่า โรคนี้ป้องกันได้โดยการปฏิบัติตัวที่ถูกต้อง โดยงดมีเพศสัมพันธ์กับคนแปลกหน้า ไม่สัมผัสแนบเนื้อกับผู้ที่มีผื่น ตุ่มหรือหนอง และหมั่นล้างมือบ่อยๆ ทั้งนี้ ประชาชนสามารถตรวจสอบอาการเบื้องต้นได้ด้วยตนเอง หากมีประวัติสัมผัสใกล้ชิด หรือมีเพศสัมพันธ์กับผู้สงสัย/ ผู้ป่วยฝีดาษวานร/ผู้ที่มีผื่น/ตุ่มสงสัย ให้รีบพบแพทย์ที่สถานบริการใกล้บ้าน หรือติดต่อศูนย์หาดใหญ่นวรัตน์ สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 12 จังหวัดสงขลา ซึ่งให้บริการตรวจคัดกรองและรักษาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์/คัดกรองการติดเชื้อเอชไอวี พร้อมทั้งให้คำปรึกษาและสนับสนุนถุงยางอนามัย หากมีข้อสงสัย สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ