กรุงเทพฯ--14 พ.ค.--ธนาคารกสิกรไทย
บริษัทร่วมทุน เค-เอสเอ็มอี จำกัด ของเครือธนาคารกสิกรไทยประเดิมร่วมลงทุนกับ 3 เอสเอ็มอี ในอุตสาหกรรมผลิตเครื่องดื่ม พัฒนาซอฟท์แวร์สำหรับองค์กร และออกแบบ พัฒนา Character วงเงินร่วมทุนรวมกว่า 40 ล้านบาท ชี้เป็นบริษัทที่อนาคตไกล เป็นแบบอย่างที่ดีของเอสเอ็มอีไทย
เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2551 บริษัทหลักทรัพย์จัดการเงินร่วมลงทุน ข้าวกล้า จำกัด ได้จัดให้มีพิธีลงนามในสัญญาร่วมลงทุนระหว่างบริษัทร่วมทุน เค-เอสเอ็มอี จำกัด (K-SME Venture Capital) กับวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมจำนวน 3 บริษัท ได้แก่ บริษัท เนอร์วาน่าฟูดส์ แอนด์ คอมเมิซ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด บริษัท ฮิวแมนิก้า จำกัด และบริษัท ทูสปอต คอมมิวนิเคชั่น จำกัด
นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า จากการที่ธนาคาร กสิกรไทยได้ดำเนินโครงการ K SME Care เพื่อช่วยเหลือเอสเอ็มอีให้ดำเนินธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพและเติบโตอย่างยั่งยืน โดยการสนับสนุนในรูปแบบหนึ่งก็คือ การจัดตั้งบริษัทร่วมทุน เค-เอสเอ็มอี จำกัด (K-SME Venture Capital) เพื่อร่วมลงทุนในเอสเอ็มอีที่มีศักยภาพและต้องการเงินทุนในการขยายธุรกิจ โดยมีบริษัทหลักทรัพย์จัดการเงินร่วมลงทุน ข้าวกล้า จำกัด (บลท.ข้าวกล้า ) เป็นผู้บริหารเงินร่วมลงทุนและพิจารณาคัดเลือกเอสเอ็มอีเพื่อร่วมถือหุ้น
สำหรับเอสเอ็มอีที่ผ่านการพิจารณาให้บริษัทร่วมทุน เค-เอสเอ็มอี จำกัด เข้าร่วมถือหุ้นเป็นครั้งแรก 3 บริษัท วงเงินลงทุนรวม 43.97 ล้านบาท ได้แก่
บริษัท เนอร์วาน่าฟูดส์ แอนด์ คอมเมิซ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (Nirvana Foods & Commerce International Co.,Ltd.) ซึ่งผู้บริหารมีประสบการณ์ในการดำเนินธุรกิจผลิตชา กาแฟบรรจุขวดแก้ว โดยเดิม โรงงานอยู่ในสหรัฐอเมริกามานานกว่า 20 ปี ปัจจุบันได้ย้ายฐานการผลิตมายังประเทศไทย แล้วส่งไปจำหน่ายที่สหรัฐอเมริกา และจะเพิ่มการจัดจำหน่ายในประเทศ โดยสินค้าประเภทชาและกาแฟบรรจุในขวดแก้วเป็นรูปแบบบรรจุภัณฑ์ที่ยังไม่มีผู้ผลิตรายใดจัดจำหน่ายมาก่อน ทั้งนี้บริษัทร่วมทุน เค-เอสเอ็มอี จำกัด เข้าร่วมลงทุนจำนวน 30.0 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนการถือหุ้น 15.38% ของทุนจดทะเบียน 195.00 ล้านบาท
บริษัท ฮิวแมนิก้า จำกัด (Humanica Co.,Ltd.) ประกอบธุรกิจให้บริการด้านจัดการด้านไอทีและซอฟท์แวร์ (IT/Software Implementation) และที่ปรึกษา (Consulting) ระบบงานในองค์กรและทรัพยากรบุคคล ผู้บริหารและทีมงานส่วนใหญ่มาจาก Price Waterhouse Cooper ซึ่งเป็นหนึ่งในองค์กรระดับโลก สำหรับการพัฒนาระบบซอฟท์แวร์จัดการทรัพยากรบุคคลดังกล่าว จะสามารถทดแทนการนำเข้าซอฟท์แวร์จากต่างประเทศได้เป็นจำนวนมาก เนื่องจากสามารถรองรับการใช้งานของบริษัทไทยได้มีประสิทธิภาพมากกว่าซอฟท์แวร์ขนาดใหญ่จากต่างประเทศ และมีราคาที่ต่ำกว่า จึงมีโอกาสขยายฐานลูกค้าได้อีกมาก โดยผู้บริหารมีแผนที่จะนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ภายใน 3 ปี ทั้งนี้ บริษัทร่วมทุน เค-เอสเอ็มอี จำกัดได้เข้าร่วมลงทุนจำนวน 8.97 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนการถือหุ้น 15.60% ของทุนจดทะเบียน 50.00 ล้านบาท
บริษัท ทูสปอตคอมมิวนิเคชั่น จำกัด (2Spot Communication Co.,Ltd.) ประกอบธุรกิจด้านการออกแบบและพัฒนารูปแบบ Character ต่าง ๆ เพื่อขายลิขสิทธิ์ (Licensing) ให้บริษัทอื่นนำไปผลิตสินค้า และผลิตเป็นสินค้าออกขายเอง (merchandising) ที่ผ่านมาสามารถขายลิขสิทธิ์ Digital Content ให้แก่ I-Mobile และได้เซ็นสัญญาแต่งตั้งผู้แทนจัดจำหน่ายในสหรัฐอเมริกาและฝรั่งเศส โดยปัจจุบัน Character ของบริษัทที่ออกสู่ตลาดและได้รับความนิยมมีประมาณ 10 ตัว นับเป็นบริษัทคนไทยที่มีแนวโน้มที่จะเติบโตและสามารถขยายตลาดสู่ต่างประเทศจนเป็นที่ยอมรับในระดับสากลได้ ทั้งนี้ บริษัทร่วมทุน เค-เอสเอ็มอี จำกัด ได้เข้าร่วมลงทุนจำนวน 5.004 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนการถือหุ้น 20.17% จากทุนจดทะเบียน 20.67 ล้านบาท
นางสาวปฐมาพร ไชยกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการเงินร่วมลงทุน ข้าวกล้า จำกัด (บลท.ข้าวกล้า) ในฐานะผู้บริหารจัดการเงินร่วมลงทุนบริษัทร่วมทุน เค-เอสเอ็มอี จำกัด กล่าวว่า นโยบายหลักของธนาคารกสิกรไทย คือ การผลักดันให้เอสเอ็มอีเข้าถึงแหล่งเงินทุนในรูปแบบต่าง ๆ ได้อย่างแท้จริง ซึ่งการร่วมถือหุ้นจะเป็นรูปแบบหนึ่งของการสร้างความแข็งแกร่งด้านการเงินให้กับเอสเอ็มอี โดยธนาคารได้กำหนด เงินทุนแรกเริ่ม 200 ล้านบาท สำหรับให้บริษัทร่วมทุน เค-เอสเอ็มอี จำกัดเข้าร่วมลงทุน
สำหรับการลงทุนในเอสเอ็มอี 3 รายแรกนี้ มีมูลค่าเงินลงทุนประมาณ 44 ล้านบาท นับเป็นแบบอย่างที่ดีของเอสเอ็มอีที่มีแนวความคิดในการดำเนินธุรกิจที่โดดเด่น หากได้รับการส่งเสริมด้านเงินทุนน่าจะสามารถดำเนินธุรกิจให้เติบโตและมั่นคงในระยะยาวได้ ในขณะนี้มีเอสเอ็มอีที่แสดงความสนใจเงินร่วมลงทุนไม่ต่ำกว่า 40 ราย ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาเข้าร่วมลงทุนในวงเงินรวมประมาณ 60 ล้านบาท
นอกจากการให้การสนับสนุนในส่วนของทุน (Equity) เพื่อขยายธุรกิจแล้ว ธนาคารฯ ยังพร้อมให้ความช่วยเหลือในการดำเนินธุรกิจให้ประสบผลสำเร็จในด้านอื่น อาทิ การจัดหาพันธมิตรทางธุรกิจเพื่อเพิ่ม ประสิทธิภาพการผลิต การตลาด และการจัดการ
ทั้งนี้ ธนาคารกสิกรไทยกำหนดนโยบายร่วมลงทุนในเอสเอ็มอีแต่ละบริษัทในสัดส่วน 10-50% ของทุนจดทะเบียนภายหลังการร่วมลงทุน มีระยะเวลาการร่วมทุน 3-5 ปี โดยจะให้อิสระในการบริหารกิจการแก่เจ้าของบริษัท และมีนโยบายกระจายความเสี่ยงในการลงทุน โดยจะลงทุนในอุตสาหกรรมใดอุตสาหกรรมหนึ่งไม่เกินหนึ่งในสามของเงินทุนทั้งหมดที่มีอยู่
บลท.ข้าวกล้า ในฐานะผู้บริหารจัดการเงินร่วมทุน K-SME Venture Capital พร้อมที่จะให้การสนับสนุนเอสเอ็มอี ที่มีศักยภาพและต้องการขยายธุรกิจ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยให้บริษัทสามารถเจริญ เติบโตได้อย่างยั่งยืน ซึ่งเอสเอ็มอีที่สนใจเรื่องของการร่วมลงทุนสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่บริษัทหลักทรัพย์จัดการเงินร่วมลงทุน ข้าวกล้า จำกัด หมายเลขโทรศัพท์ 02-6932333 หรือที่เว็บไซต์ www.khaokla.com