?บมจ.ทีบีเอ็น คอร์ปอเรชั่น หรือ TBN? ผู้นำด้าน AI-Driven Low-Code เผยผลงานไตรมาส 2/67 มีกำไรสุทธิ 13.63 ลบ. โต 67% จากไตรมาสแรก โดยมีการเพิ่มอัตราส่วนกำไรสุทธิจาก 12% เป็น 15% ผลจากการที่กำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นและภาษีเงินได้ที่ลดลง ด้วยสิทธิประโยชน์จาก BOI ที่ได้รับสะท้อนการเติบโตที่แข็งแกร่งจากกลยุทธ์ใหม่ๆ และการนำเทคโนโลยีมาใช้อย่างมีประสิทธิภาพ คาดแนวโน้มครึ่งปีหลังเติบโตดีกว่าครึ่งปีแรก ปัจจุบัน Backlog ณ สิ้นไตรมาส 2/67 อยู่ที่ 242 ลบ. ซึ่งยังไม่รวมรายได้ที่เป็น Recurring Income และมีโครงการที่อยู่ระหว่างประมูลอีกราว 400 ลบ.
นายปนายุ ศิริกระจ่างศรี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีบีเอ็น คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TBN ผู้นำด้านเทคโนโลยี AI Driven Low-Code ที่มีประสบการณ์มากที่สุดในเอเชีย เปิดเผยว่า ผลประกอบการของบริษัทและบริษัทย่อยในงวดไตรมาส 2 ปี 2567 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 13.63 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 67% จากไตรมาสแรกและ 10% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 12.40 ล้านบาท และอัตราส่วนกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจาก 12% เป็น 15% เนื่องจากกำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นรวมถึงภาษีเงินได้ที่ลดลงจากการได้รับสิทธิประโยชน์ภาษีจาก BOI
?บริษัทฯ ได้มุ่งเน้นการพัฒนาธุรกิจผ่านนวัตกรรมใหม่ๆ และการเสริมสร้างศักยภาพในตลาดดิจิทัล แม้จะเผชิญกับการลดลงของรายได้จากการให้บริการในกลุ่มงานพัฒนาระบบดิจิทัลและงานให้คำปรึกษา แต่ก็มีการปรับปรุงและเริ่มต้นโครงการใหม่ซึ่งจะสามารถรับรู้รายได้ในอนาคต พร้อมมองหาโอกาสในการเติบโตต่อเนื่องเพื่อสนับสนุนรายได้? นายปนายุ กล่าว
ในขณะที่รายได้จากผลิตภัณฑ์ Templatize solutions ต่างๆยังได้รับการตอบรับที่ดีจากตลาด โดยเฉพาะจากลูกค้ากลุ่ม BFSI ที่ต้องการเพิ่มประสิทธิภาพและลดความซับซ้อนในการดำเนินงานในภาคธุรกิจหลายส่วน ทั้งนี้บริษัทฯ ประเมินทิศทางการเติบโตในกลุ่มลูกค้าที่ต้องการปรับปรุงกระบวนการธุรกิจผ่านเทคโนโลยียังมีอีกมาก ซึ่งสะท้อนถึงความต้องการของตลาดที่ต้องการนวัตกรรมเข้ามาช่วยเปลี่ยนแปลง
ปัจจุบัน บริษัทมีสัดส่วนรายได้สม่ำเสมอ (Recurring Income) อยู่ที่ 58% ซึ่งในปี 2566 อยู่ที่ 55% ของรายได้รวม โดย backlog ล่าสุด ณ สิ้นไตรมาส 2/67 อยู่ที่ 242 ล้านบาท ซึ่งยังไม่รวมรายได้ที่เป็น Recurring Income และมีโครงการที่อยู่ระหว่างการเสนอประมูลงานอีกราว 400 ล้านบาท
ในขณะที่แนวโน้มตลาดเทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว บริษัทมีแผนในการใช้ AI ร่วมกับ Low-Code ได้ช่วยให้การพัฒนาแอปพลิเคชั่นและการจัดการข้อมูลเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนที่จะขยายการลงทุนและสร้างพันธมิตรกับบริษัทอื่นเพื่อสร้าง Synergy และขยายโอกาสทางธุรกิจในอนาคต