ปภ. แนะวิธีการเตรียมความพร้อมในการขับขี่ขณะฝนตก

ข่าวทั่วไป Wednesday May 14, 2008 16:10 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--14 พ.ค.--ปภ.
กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เตือนประชาชนตรวจสอบรถให้พร้อมใช้งานในช่วงฤดูฝน แนะหมั่นตรวจสภาพยางรถยนต์ อุปกรณ์ปัดน้ำฝน และระบบไฟให้อยู่ในสภาพดี หากขับขี่ขณะฝนตกหรือถนนเปียกลื่น ไม่ควรขับรถเร็วและชิดคันหน้ามากเกินไป ควรเปิดไฟเพื่อให้ทัศนวิสัย
ในการมองเห็นดีขึ้น เพื่อเพิ่มความปลอดภัยและลดความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน
นายอนุชา โมกขะเวส อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ประเทศไทยเข้าสู่ต้นฤดูฝนแล้ว ทำให้หลายพื้นที่มีฝนตกหนัก ส่งผลให้มีความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุทางถนนสูงกว่าปกติ เนื่องจากทัศนวิสัยไม่ดีและสภาพถนนเปียกลื่น กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จึงขอแนะให้ผู้ขับขี่รถเตรียมตรวจสอบความพร้อมของรถและศึกษาวิธีการขับขี่รถอย่างปลอดภัย โดยผู้ขับขี่ควรตรวจดูสภาพความพร้อมของรถทุกครั้งก่อนใช้งาน เริ่มจากยางรถยนต์ควรมีดอกยางละเอียด เพื่อประสิทธิภาพในการยึดเกาะถนนและควรเพิ่มแรงดันลมให้มากกว่าปกติ ๒ — ๓ ปอนด์ / ตารางนิ้ว เพื่อให้หน้ายางแข็งและมีกำลังในการรีดน้ำ อุปกรณ์ปัดน้ำฝนต้องอยู่ในสภาพดี สามารถปัดกวาดน้ำฝนได้สะอาด ไม่มีรอยฝ้าหรือรอยขูดขีดบนกระจก และเตรียมผ้าแห้งไว้เช็ดฝ้าภายในรถ เนื่องจากเมื่อฝนตกหนักอาจมีละอองน้ำเป็นฝ้าจับที่กระจกภายในรถ ทำให้ทัศนวิสัยในการมองเห็นไม่ชัดเจน นอกจากนี้ ควรตรวจสอบความสว่างของสัญญาณไฟหน้าและไฟเบรกให้เรียบร้อย หากโคมแก้วเปื้อนให้เช็ดทำความสะอาด เพื่อให้ความสว่างเพิ่มขึ้น รวมทั้งตรวจสอบผ้าเบรก ว่าพร้อมสำหรับการขับขี่ในสภาพถนนลื่นหรือไม่ หากทำการเบรกแล้วรถปัด ควรเปลี่ยนใหม่ทันที เพราะเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุในกรณีฉุกเฉิน ในขณะที่ฝนตกผู้ขับขี่ไม่ควรขับรถชิดคันหน้ามากเกินไป ควรเว้นระยะห่างเป็น ๒ เท่าของการ
ขับในช่วงปกติ เพราะเมื่อฝนตกถนนลื่นจะใช้ระยะเบรกมากกว่าปกติ หากฝนตกหนักให้เปิดไฟหน้ารถ โดยใช้ไฟใหญ่เพื่อให้มองเห็นเส้นทางได้ชัดเจนขึ้น และให้ผู้ขับรถคันอื่นสามารถมองเห็นรถของเราได้ ไม่ควรใช้ไฟหรี่หรือไฟสูงโดยเด็ดขาด เพราะแสงไฟจะสะท้อนกับพื้นถนน ทำให้ผู้ขับรถสวนมาหรือรถคันหน้ามองไม่เห็นเส้นทาง และไม่ควรเปิดไฟกระพริบ เพราะอาจสร้างความเข้าใจผิดให้กับผู้ร่วมใช้เส้นทางเบี่ยงไปใช้เส้นทางอื่น ซึ่งอาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้ ที่สำคัญ ไม่ควร
ขับรถเร็ว และควรลดความเร็วลงมาให้อยู่ประมาณ ๓/๔ — ๒/๓ ของความเร็วปกติ เนื่องจากการลดความเร็วจะทำให้ยาง จับเกาะถนนดีขึ้น หากเกิดอุบัติเหตุฉุกเฉิน จะทำให้มีเวลาสำหรับการแก้ไขหรือหลีกเลี่ยงอันตรายที่จะเกิดขึ้น ตลอดจนทำให้ความสามารถในการควบคุมรถดีขึ้น จะเห็นได้ว่า การขับรถในขณะฝนตกหรือถนนเปียกลื่น ผู้ขับขี่ต้องเพิ่มความระมัดระวัง ในการขับขี่มากขึ้น และต้องเรียนรู้เทคนิคพิเศษที่แตกต่างไปจากการขับรถในช่วงปกติ รวมทั้งหมั่นตรวจสอบอุปกรณ์ประจำรถ
เพื่อเพิ่มความปลอดภัยและลดความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุทางถนน

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ