กรุงเทพฯ--14 พ.ค.--ตลท.
วันนี้ (14 พฤษภาคม 2551) นพ. สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้ร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือเพื่อการพัฒนาตลาดทุนและธุรกิจประกันภัยไทย ระหว่าง 6 องค์กรในธุรกิจประกันภัย ประกอบด้วย สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) สมาคมประกันชีวิตไทย สมาคมประกันวินาศภัย สมาคมตัวแทนประกันชีวิต สมาคมนายหน้าประกันภัยไทย และสถาบันประกันภัยไทย และ 2 หน่วยงานจากภาคตลาดทุน ได้แก่ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เพื่อร่วมขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ในการพัฒนาธุรกิจประกันภัยและตลาดทุน มุ่งพัฒนาขีดความสามารถบุคลากร และสนับสนุนการเกิดนวัตกรรมด้านสินค้าและบริการของทั้งภาคตลาดทุนและธุรกิจประกันภัย ซึ่งเป็นเครื่องมือสำหรับการวางแผนทางการเงิน (Financial Planning) ที่สำคัญของประชาชนต่อไป
นพ. สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวในพิธีลงนามว่า โครงการความร่วมมือเพื่อการพัฒนาตลาดทุน และธุรกิจประกันภัยไทย เป็นรูปธรรมของการขับเคลื่อนตลาดการเงินยุคใหม่ที่บูรณาการความร่วมมือของภาคการเงิน ภายใต้การดูแลของกระทรวงการคลัง เป็นการเปิดมุมมองใหม่ ในการทำงานระหว่างหน่วยงาน โดยส่งเสริมบทบาทของทุกภาคส่วนให้สอดประสานกัน ลดช่องว่างทั้งในแนวลึกของหน่วยงานกำกับดูแลและภาคธุรกิจ และในแนวกว้างระหว่าง 2 ธุรกิจสำคัญคือตลาดทุน และประกันภัย เป็นการผนึกกำลังรับมือกับความเปลี่ยนแปลง โดยมีผู้บริโภคเป็นเป้าหมายสำคัญ
นางจันทรา บูรณฤกษ์ เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) กล่าวว่า ความร่วมมือครั้งนี้จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบธุรกิจประกันภัยและลูกค้า เป็นการเปิดศักราชใหม่ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ด้านการเงิน การพัฒนาวิชาชีพนักวางแผนการเงินเพื่อการบริการครบวงจรแก่ผู้บริโภค ซึ่งจะมีส่วนผลักดันให้เกิดการขยายตัวของธุรกิจประกันภัยซึ่งคาดว่าในปี 2551 เบี้ยประกันรับรวมจะสูงถึง 230,000 ล้านบาท และมีการขยายตัวของกรรมธรรม์ประกันชีวิตเกิดขึ้นไม่ต่ำกว่า 16 ล้านกรมธรรม์ ทำให้การประกันภัยมีความสำคัญในฐานะทางเลือกในการออม และเครื่องมือบริหารความเสี่ยงด้วย
นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) กล่าวว่า ก.ล.ต. มีความยินดีอย่างยิ่งต่อการมีส่วนร่วมในโครงการเพื่อผลักดันการพัฒนาตลาดการเงิน และธุรกิจประกันภัยไทย ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการต่อเชื่อมการทำงาน ทั้งในระดับหน่วยงานกำกับดูแล และการทำงานร่วมกับภาคธุรกิจประกันภัยที่ในอนาคตย่อมมีบทบาทและความเกี่ยวข้องกับตลาดทุนมากขึ้น ซื่งนับว่าเอื้อต่อการประสานการทำงานด้านการกำกับดูแล การออกกฎเกณฑ์ต่าง ๆ ให้รองรับกับพัฒนาการของธุรกรรม ที่จะมีความเชื่อมโยงกันมากยิ่งขึ้น
นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า โครงการนี้เป็นการประสาน 2 ภาคธุรกิจเข้าด้วยกัน เพื่อทำงานร่วมกันในการแลกเปลี่ยนข้อมูลความรู้ การผลักดันและพัฒนากฎเกณฑ์ต่าง ๆ โดยจะมีการทำงานร่วมกันทั้งการส่งเสริมผู้ประกอบวิชาชีพประเภทตัวแทนประกันภัยที่มีอยู่ถึงกว่า 3 แสนคน ให้พัฒนาสู่การเป็น Financial Planer รวมถึงจะมีความร่วมมือเกี่ยวกับกฎเกณฑ์การออกกรมธรรม์ควบหน่วยลงทุน Unit Linked Life Insurance Policy เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ทางการเงินใหม่ ๆ ซึ่งเป็นการสร้างสินค้าใหม่สำหรับผู้ลงทุน
“ ปัจจุบันบริษัทประกันภัยมีการลงทุนในหลักทรัพย์ประเภทหุ้นอยู่ประมาณ 1 แสนล้านบาท หรือร้อยละ 12.6 ของพอร์ตการลงทุนทั้งหมดที่มีมากถึง 9 แสนล้านบาท การทำงานร่วมกันเพื่อปรับปรุงกฎเกณฑ์ด้านการลงทุนของบริษัทประกันภัยให้เปิดกว้างมากยิ่งขึ้น จะเปิดโอกาสและช่องทางการบริหารทรัพย์สินของบริษัทประกันภัยได้มากขึ้นรวมทั้งส่งเสริมให้เกิดพัฒนาการด้านการเงินในอนาคตที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนมากขึ้นด้วย เพราะในปัจจุบัน มีความเชื่อมโยงกันอย่างใกล้ชิดระหว่างการลงทุนกับการประกันภัยหรือประกันชีวิต” กรรมการและผู้จัดการกล่าว
ทั้งนี้ โครงการความร่วมมือเพื่อการพัฒนาตลาดทุนและธุรกิจประกันภัยไทย ขับเคลื่อนโดยมีคณะทำงานย่อย ซึ่งประกอบด้วยตัวแทนของทุกหน่วยงานที่ร่วมโครงการ ร่วมจัดทำแผนปฏิบัติการด้านการให้ความรู้และเผยแพร่ การปรับสู่การเป็นมหาชนและการระดมทุน การบริการทางการเงิน ด้านทางเลือกเพื่อการบริหารเงินลงทุน และด้านนวัตกรรมทางการเงิน เพื่อให้ความร่วมมือดังกล่าวเกิดผลอย่างจริงจัง โดยมีระยะเวลาของโครงการตลอดปี 2551