- การทดสอบรุ่นพลังงานไฟฟ้าทั้งหมดได้เริ่มขึ้นแล้ว
- พัฒนาเครื่องยนต์สันดาปและไฮบริดอย่างต่อเนื่อง
- ขยายตัวเลือกผลิตภัณฑ์ให้หลากหลายหลังปี 2030
ปอร์เช่ คาเยนน์ (Porsche Cayenne) เจเนอเรชั่นที่ 4 จะเป็นรุ่นพลังงานไฟฟ้าทั้งหมด โปรแกรมทดสอบที่เข้มงวดสำหรับรถต้นแบบรุ่นแรกที่มีการพรางตัวได้เริ่มขึ้นแล้ว ในขณะเดียวกัน ปอร์เช่ (Porsche) ก็กำลังเดินหน้าพัฒนารุ่นไฮบริดและเครื่องยนต์สันดาปที่มีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นก่อนและหลังปี 2030 รถสปอร์ตอเนกประสงค์ SUV ที่ประสบความสำเร็จนี้จะมีระบบขับเคลื่อนให้เลือกถึง 3 รูปแบบทั่วโลก
เป็นเวลากว่า 20 ปีแล้วที่คาเยนน์ (Cayenne) โดดเด่นด้วยความสามารถในการผสมผสานคุณสมบัติต่างๆ ระหว่างสมรรถนะการขับขี่ที่เป็นเอกลักษณ์ของปอร์เช่ (Porsche) ความสะดวกสบายที่ยอดเยี่ยมในการขับขี่ในชีวิตประจำวัน และความสามารถที่ดีเยี่ยมในการขับขี่แบบออฟโรด รุ่นในอนาคตของรถเอสยูวี (SUV) นี้ จะยังคงรักษาคุณสมบัติที่คุ้นเคยทั้งหมดของรถรุ่นนี้ไว้ บลูเม่ (Blume) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของปอร์เช่ เอจี (Porsche AG) กล่าวว่า "คาเยนน์ (Cayenne) ได้กำหนดมาตรฐานรถสปอร์ตในกลุ่มเซ็กเมนต์ของรถประเภทนี้มาโดยตลอด และกลางทศวรรษนี้ รุ่นที่ 4 ก็จะยังคงเป็นผู้กำหนดมาตรฐานในกลุ่มเซ็กเมนต์นี้อีกครั้ง ในฐานะ เอสยูวี (SUV) พลังงานไฟฟ้า ขณะเดียวกัน ในทศวรรษหน้า ลูกค้าของเรายังคงสามารถเลือกรุ่นเครื่องยนต์สันดาปที่ทรงพลัง หรือไฮบริดที่มีประสิทธิภาพหลากหลายได้" สำหรับคาเยนน์ (Cayenne) รุ่นปัจจุบันจะได้รับการอัปเกรดเพิ่มเติมและยังคงมีให้เลือกใช้งานควบคู่กับรุ่นที่ 4 ที่จะเป็นระบบขับเคลื่อนแบบพลังงานไฟฟ้าทั้งหมด
คาเยนน์ (Cayenne) เจเนอเรชั่นปัจจุบัน ซึ่งเพิ่งได้รับการปรับปรุงครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของปอร์เช่ (Porsche) เมื่อปีที่ผ่านมา จะได้รับการพัฒนาต่อยอดด้วยการลงทุนด้านเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง โดยทีมพัฒนาจะมุ่งเน้นไปที่ระบบขับเคลื่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเพิ่มประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ V8 ที่พัฒนาและผลิตโดยปอร์เช่ (Porsche) ที่เมืองซูเฟนเฮาเซน (Zuffenhausen) มาตรการทางเทคนิคที่ครอบคลุมจะช่วยให้เครื่องยนต์เทอร์โบคู่พร้อมที่จะรองรับตามข้อกำหนดด้านกฎหมายในอนาคต
การกำหนดมาตรฐานใหม่ในกลุ่มรถ SUV คือเป้าหมายของการพัฒนา
ปอร์เช่ (Porsche) มุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ต่อยนตรกรรมพลังงานไฟฟ้า บลูเม่ (Blume) กล่าวว่า "กลยุทธ์ผลิตภัณฑ์ของเรา ทำให้เราสามารถส่งมอบรถใหม่ของเรา ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าเต็มรูปแบบได้มากกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ ในปี 2030 ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความต้องการของลูกค้าและการพัฒนายนตรกรรมพลังงานไฟฟ้าในภูมิภาคต่างๆ ของโลกเช่นกัน" รุ่นที่ 4 ของคาเยนน์ (Cayenne) ซึ่งได้รับการพัฒนาและออกแบบใหม่ทั้งหมดนี้ ถูกตั้งเป้าให้มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนการขับเคลื่อนยนตรกรรมสปอร์ตพลังงานไฟฟ้าของปอร์เช่ (Porsche)
รถเอสยูวี (SUV) พลังงานไฟฟ้ารุ่นใหม่นี้พัฒนาต่อเนื่องบนพื้นฐานของ Premium Platform Electric (PPE) แบบ 800 โวลต์ ไมเคิล สไตเนอร์ (Michael Steiner) สมาชิกคณะกรรมการบริหารฝ่ายวิจัยและพัฒนาของ ปอร์เช่ เอจี (Porsche AG) กล่าว "ความยืดหยุ่นของแพลตฟอร์ม PPE ช่วยให้เราสามารถผนวกเทคโนโลยีล่าสุดในด้านระบบไฟฟ้าแรงสูง ระบบขับเคลื่อน และช่วงล่าง เราจะใช้ศักยภาพของรถพลังงานไฟฟ้าเพื่อยกระดับคาเยนน์ (Cayenne) ให้ก้าวสู่ระดับใหม่ในหลายๆ ด้าน เช่น ด้านสมรรถนะการขับขี่" และนอกจากลักษณะการขับขี่แบบปอร์เช่ (Porsche) แล้ว เป้าหมายการพัฒนายังรวมถึงการชาร์จไฟที่มีความเสถียรและมีประสิทธิภาพสูง พร้อมกับมีความสะดวกสบายในการใช้งานในชีวิตประจำวันอีกด้วย
รถยนต์ต้นแบบจะต้องผ่านการทดสอบระยะทางหลายล้านกิโลเมตร
หลังจากผ่านการพัฒนาและทดสอบแบบดิจิทัลมาเป็นเวลานาน รวมถึงการทดสอบการขับขี่ครั้งแรกบนสนามทดสอบที่ศูนย์พัฒนาในไวส์ซาค (Weissach) รถต้นแบบรุ่นแรกของคาเยนน์ (Cayenne) ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าล้วนได้ออกจากโรงงานปอร์เช่ (Porsche) แล้ว "การทดสอบในโลกแห่งความเป็นจริงได้เริ่มขึ้นแล้ว และนี่เป็นหนึ่งในเหตุการณ์สำคัญที่สุดของกระบวนการพัฒนา ภายในวันเปิดตัว รถต้นแบบจะต้องผ่านการทดสอบระยะทางหลายล้านกิโลเมตรทั่วโลก ภายใต้สภาพอากาศและภูมิประเทศที่หลากหลาย เราจะมั่นใจได้ถึงความทนทานและความน่าเชื่อถือของฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และฟังก์ชันการทำงานทั้งหมดของรถยนต์ตามมาตรฐานคุณภาพสูงของเรา" ไมเคิล แชทซ์เล (Michael Schaetzle) รองประธานสายผลิตภัณฑ์คาเยนน์ (Cayenne) กล่าว
ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติม รวมทั้งภาพยนตร์ และภาพถ่ายได้ที่ Porsche Newsroom: newsroom.porsche.com