'PCE' เข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์ฯ เดินหน้าขยายโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มและโรงงานผลิตน้ำมันปาล์มโอเลอีน มุ่งสู่ผู้นำอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มแบบครบวงจรระดับประเทศ

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday September 12, 2024 14:31 —ThaiPR.net

'PCE' เข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์ฯ เดินหน้าขยายโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มและโรงงานผลิตน้ำมันปาล์มโอเลอีน มุ่งสู่ผู้นำอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มแบบครบวงจรระดับประเทศ

'บมจ.เพชรศรีวิชัย เอ็นเตอร์ไพรส์' หรือ PCE ผู้นำอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มแบบครบวงจร เข้าเทรดวันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ชูความพร้อมทั้งการเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายน้ำมันปาล์มแบบครบวงจร ที่มีความพร้อมระบบการจัดการซัพพลายเชน (Supply Chain) ตอบสนองลูกค้าได้แบบ One Stop Service เดินหน้าขยายโรงงานสกัดน้ำมันปาล์ม และโรงงานผลิตน้ำมันปาล์มโอเลอีนเพื่อการบริโภค รับโอกาสอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มมีทิศทางขยายตัวทั้งในประเทศและตลาดส่งออก สร้างการเติบโตสู่ผู้นำอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มในระดับประเทศ

นายประกิต ประสิทธิ์ศุภผล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เพชรศรีวิชัย เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) หรือ PCE เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้นำหุ้น PCE เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเป็นวันแรก (12 กันยายน 2567) ในหมวดเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร โดยใช้ชื่อย่อ 'PCE' ในการซื้อขายหลักทรัพย์ หลังประสบความสำเร็จในการเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 750 ล้านหุ้น ที่ราคาหุ้นละ 2.28 บาท โดยหุ้น PCE ได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างล้นหลาม สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในการดำเนินธุรกิจน้ำมันปาล์มแบบครบวงจรของ PCE และช่วยสนับสนุนให้ PEC เป็นหนึ่งในหุ้นที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนภายหลังจากเข้าเทรด

ทั้งนี้ PCE ได้วางยุทธศาสตร์สร้างการเติบโต เพื่อก้าวสู่ผู้นำอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มแบบครบวงจรระดับประเทศ ผ่าน
กลยุทธ์ที่เป็นจุดแข็งของกลุ่มบริษัทฯ ได้แก่ 1) ความเป็นผู้นำอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มแบบครบวงจร และความพร้อมการจัดการระบบซัพพลายเชน (Supply Chain) โดยกลุ่มบริษัทฯ มีกระบวนการผลิตผลิตภัณฑ์จากปาล์มน้ำมันตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ บริการคลังสินค้าและท่าเทียบเรือ ตลอดจนกระบวนการขนส่งที่ทันสมัย ตอบสนองความต้องการของลูกค้าแบบ One Stop Service ด้วยประสบการณ์ตรงในอุตสาหกรรมกว่า 40 ปี 2) ทำเลที่ตั้งของกลุ่มบริษัทฯ อยู่ในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งเป็นจุดยุทธศาสตร์ของแหล่งวัตถุดิบ ใกล้ลูกค้า และท่าเรือ และ 3) กระบวนการผลิตและการควบคุมคุณภาพของกลุ่มบริษัทฯ ที่ได้รับการรับรองตามมาตรฐานสากล

บริษัทฯ วางแผนจะนำเงินที่ได้จากการระดมทุน IPO ไปเสริมศักยภาพการเติบโต โดยจะลงทุนขยายโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มดิบ เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตอีก 1 เท่าตัว จากเดิมที่มีกำลังการผลิต 60 ตันผลปาล์มสดต่อชั่วโมง เพิ่มเสถียรภาพในการจัดหาวัตถุดิบน้ำมันปาล์มดิบสำหรับนำเข้าสู่กระบวนการกลั่นต่อไป รวมทั้งลงทุนในเครื่องจักรและอุปกรณ์เพื่อขยายกำลังการผลิตน้ำมันปาล์มโอเลอีนเพื่อใช้ในการบริโภคเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 1 เท่าตัวเช่นเดียวกัน จากเดิมที่มีกำลังการผลิต 300 ตันต่อวัน โดยโรงงานทั้งสองแห่งเดินอัตราการใช้กำลังการผลิตไปแล้ว 80-90% ของกำลังการผลิตติดตั้ง ตลอดจนใช้เงินระดมทุนเพื่อยกระดับประสิทธิภาพกระบวนการผลิตให้ดียิ่งขึ้น รองรับการขยายตลาดในทุกภาคส่วนทั้งในประเทศและตลาดส่งออก พร้อมทั้งลงทุนในเทคโนโลยีเพื่อใช้ในการวิจัย และพัฒนาต่อยอดเพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์และสร้างโอกาสในตลาดใหม่ๆ ในอนาคต

ขณะที่ผลการดำเนินงานปี 2564-2566 มีรายได้รวม 28,178.54 ล้านบาท 32,696.15 ล้านบาท 24,722.79 ล้านบาท ตามลำดับ และมีกำไรสุทธิ 847.33 ล้านบาท 214.40 ล้านบาท 330.50 ล้านบาท ตามลำดับ ส่วนงวด 6 เดือนแรกปี 2567 กลุ่มบริษัทฯ มีรายได้รวม 12,921.47 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 211.97 ล้านบาท ใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดย ณ ปี 2566 รายได้หลักของกลุ่มบริษัทฯ มาจากอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มถึงร้อยละ 98.61 และมีสัดส่วนการจำหน่ายในประเทศร้อยละ 63.67 และต่างประเทศ ร้อยละ 36.33

นายสมศักดิ์ ศิริชัยนฤมิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า PCE ถือเป็นหุ้นที่เป็นผู้นำอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มแบบครบวงจรรายแรกที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และมีโอกาสเติบโตตามทิศทางขยายตัวอย่างต่อเนื่องของอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มทั้งจากกำลังซื้อภายในประเทศ และต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นการบริโภคอุปโภค กลุ่มพลังงานทดแทนที่มีความต้องการเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการใช้โอเลโอเคมิคอลเพื่อเป็นส่วนประกอบในสินค้า เช่น เครื่องสำอาง สบู่ ครีมบำรุงผิว เป็นต้น ตลอดจนอุตสาหกรรมน้ำมันไบโอดีเซล ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศและเศรษฐกิจโลก

นางสาวนลิน วิริยะเสถียร กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายหลักทรัพย์และรับประกันการจำหน่ายร่วม กล่าวว่า การเสนอขายหุ้น IPO ของ PCE ในช่วงที่ผ่านมา มีจำนวนรวมทั้งสิ้น 750 ล้านหุ้น ที่ราคาเสนอขาย 2.28 บาทต่อหุ้น คิดเป็นมูลค่าเสนอขายรวม 1,710 ล้านบาท ได้รับการตอบรับอย่างคึกคักจากทั้งนักลงทุนรายย่อยและนักลงทุนสถาบัน เนื่องจากนักลงทุนมีความเชื่อมั่นในศักยภาพการดำเนินธุรกิจของ PCE ซึ่งเป็นผู้นำอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มที่มีแนวโน้มการเติบโตสูง และเชื่อมั่นว่า PCE จะเป็นหุ้นคุณภาพอีกหนึ่งตัวสำหรับนักลงทุนในตลาดทุนไทย

นายพายุพัด มหาผล กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายหลักทรัพย์และรับประกันการจำหน่ายร่วม กล่าวว่า มั่นใจว่า PCE จะเป็นหุ้น Growth Stock ที่สร้างผลตอบแทนที่ดีแก่นักลงทุน ด้วยจุดเด่นในการเป็นผู้นำอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มแบบครบวงจร ที่มีความพร้อมการจัดการระบบซัพพลายเชน ที่ให้บริการลูกค้าได้แบบ One Stop Service ซึ่งสามารถช่วยลดต้นทุนค่าใช้จ่ายต่างๆ ให้กับลูกค้าได้เป็นอย่างดี จึงทำให้เป็นผู้ประกอบการที่มีพันธมิตรทางการค้าอย่างเหนียวแน่น และการระดมทุนในครั้งนี้จะเสริมความแข็งแกร่งด้านเงินทุน เพื่อนำไปใช้ขยายธุรกิจให้เติบโตตามเป้าหมาย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ