ไทยพาณิชย์จ่อขึ้นดอกเบี้ยปลายไตรมาส 3 มั่นใจปล่อยสินเชื่อตามเป้า 8-9%

ข่าวทั่วไป Tuesday May 31, 2005 11:30 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--31 พ.ค.--ธ.ไทยพาณิชย์
ไทยพาณิชย์จ่อขึ้นดอกเบี้ยปลายไตรมาส 3 มั่นใจปล่อยสินเชื่อตามเป้า 8-9% แม้ความเชื่อมั่นนักลงทุนหด จากปัญหาราคาน้ำมัน พร้อมเร่งล้างหนี้เน่าเหลือ10% ภายในสินปีนี้
คุณหญิงชฏา วัฒนศิริธรรม กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์(เอสซีบี) เปิดเผยว่า
ธนาคารเตรียมปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยทั้งเงินฝากและเงินกู้ในปลายไตรมาส3 ปีนี้ แต่จะเป็นการทยอยปรับขึ้นชนิดไม่ฮวบฮาบ
เนื่องจากสภาพคล่องส่วนเกินธนาคารพาณิชย์ทั้งระบบยังอยู่ในระดับที่สูงประมาณ 300,000-400,000 ล้านบาท แม้ในอนาคตรัฐบาลจะมีโครงการกู้ยืมเงินเพื่อลงทุนระบบสาธารณูปโภคในอนาคตก็ตาม
แต่สภาพคล่องในระบบยังไม่ได้หายไปไหน ในส่วนของธนาคารพาณิชย์อื่น เชื่อว่าจะมีการทยอยปรับดอกเบี้ยขึ้นในช่วงเวลาที่ไล่เลี้ยกัน
ทั้งนี้การปรับขึ้นดอกเบี้ยจะส่งผลกระทบต่อการวางแผนธุรกิจ ดังนี้นักธุรกิจจะต้องให้ความสำคัญและมีความระมัดระวังมากขึ้นในส่วนของภาวะเศรษฐกิจไทยแม้จะขยายตัวในอัตราที่ชะลอลง โดยเฉพาะการส่งออก การอุปโภคบริโภคในประเทศ ตามภาวะราคาน้ำมันโลกสูงที่ขึ้นนั้น ในความเห็นส่วนตัวมองว่ายังมีปัจจัยพื้นฐานที่น่าลงทุนโดยวัดได้จากอัตราการจ้างงานขณะนี้ที่ยังอยู่ในระดับสูง
สำหรับการปล่อยสินเชื่อนั้น คาดว่าภายในปีนี้จะปล่อยสินเชื่อได้ตามเป้าหมายที่วางไว้หรือ เพิ่มขึ้น 8-9% แม้ว่าจะมีผลกระทบจากราคาน้ำมันที่ยังสูง และตัวเลขการส่งออก นำเข้า ดุลการค้ายังเป็นปัญหา ทำให้ลูกค้ารายใหญ่ระมัดระวังในการทำธุรกิจมากขึ้น ส่วนลูกค้ารายย่อยนั้นยังเชื่อว่าจะเติบโตได้ 20% ตามเป้าหมายที่วางไว้
ขณะที่หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(เอ็นพีแอล) ของธนาคารปัจจุบันมีสัดส่วนที่ 13% ของสินเชื่อทั้งหมด หรือ คิดเป็นเงิน 70,000 ล้านบาท แต่คาดว่าภายในสิ้นปีนี้จะให้เหลือ 10% หรือลดลง 20,000 ล้านบาท
ทั้งนี้เนื่องจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)ได้ปรับนิยามเกณฑ์การจัดชั้นหนี้ใหม่ที่เข้มงวดมากขึ้น
ทำให้หนี้ที่จากเดิมเป็นหนี้ปกติ กลายเป็นหนี้เอ็นพีแอล หรือหนี้เอ็นพีแอลที่ได้รับการแก้ปัญหาแล้ว กลับมาเป็นเอ็นพีแอลอีกครั้งหนึ่ง แต่ทั้งนี้ ธนาคารไม่จำเป็นต้องตั้งสำรองหนี้เสียเพิ่มแต่อย่างใด เพราะได้ตั้งกันสำรองเพียงพอแล้วถึง 82% ของเอ็นพีแอล หรือ 61,000 ล้านบาทคุณหญิงชฎา กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม ธนาคารมีเป้าหมายที่จะเพิ่มสัดส่วนรายได้จากลูกค้ารายย่อยให้เป็น 50% ใน 3-5 ปีข้างหน้าจากปัจจุบันที่มี 40% ของรายได้ทั้งหมด โดยจะขยายรายได้ลูกค้ารายย่อยปีละ 20% ซึ่งเชื่อว่าจะทำได้ เนื่องจากเห็นว่า เป็นกลุ่มลูกค้าที่เติบโตมากที่สุดเมื่อเทียบกับกลุ่มอื่น รวมทั้งการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของลูกค้ารายย่อยยังสามารถพัฒนาได้อีกมาก เพราะกลุ่มลูกค้ารายย่อยจะเกี่ยวข้องกับการใช้ชีวิตประจำวันของลูกค้า มากกว่าเมื่อเทียบกับกลุ่มลูกค้ารายใหญ่
ทั้งนี้ล่าสุดธนาคารได้รับรางวัลธนาคารยอดเยี่ยมด้านธุรกิจลูกค้าบุคคลปี 47 จากนิตยสาร The Asian Banker ประเทศสิงคโปร์ โดยธนาคารมีความเด่น 6 ด้านคือ บริการสาขายอดเยี่ยม ด้วยขั้นตอนที่มีประสิทธิภาพ มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่สอดคล่องกับความต้องการของลูกค้า และส่งเสริมการใช้ผลิตภัณฑ์เพิ่มยอดขายจนเป็นผู้นำในตลาดลูกค้าบุคคล มีระบบจัดการความเสี่ยงที่ดี--จบ--

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ