'บมจ.ไซโน โลจิสติกส์ คอร์ปอเรชั่น' หรือ SINO ให้ความมั่นใจแก่ลูกค้าพร้อมรับมือผลกระทบจากกรณีแรงงานท่าเรือในสหรัฐฯ นัดหยุดงานที่ท่าเรือฝั่งตะวันออกในวันที่ 1 ตุลาคมนี้ หากไม่สามารถบรรลุข้อตกลงในสัญญาใหม่ ชี้กระทบระยะเวลาขนถ่ายสินค้าที่ท่าเรือนานขึ้นและค่าขนส่งสินค้าทางทะเลเพิ่มขึ้น 20-50% รวมถึงพื้นที่ขนส่งสินค้าไม่เพียงพอ ชูจุดแข็งเป็นผู้ให้บริการโลจิสติกส์ที่มีปริมาณขนส่งสินค้าทางทะเลเส้นทางไทย-สหรัฐฯ อันดับ 3 ของโลก และความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้ประกอบการสายการเดินเรือไปยังสหรัฐฯ จัดหาพื้นที่ขนส่งสินค้าให้เพียงพอกับดีมานด์
นายนันท์มนัส วิทยศักดิ์พันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทไซโน โลจิสติกส์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SINO เปิดเผยว่า จากกรณีที่แรงงานท่าเรือชายฝั่งประเทศสหรัฐอเมริกาหลายพันคนในสังกัด The International Longshoremen's Association (ILA) ซึ่งเป็นสหภาพแรงงานใหญ่ที่สุดในทวีปอเมริกาเหนือ ได้นัดหยุดงานที่ท่าเรือในรัฐต่างๆ ในฝั่งตะวันออกของสหรัฐฯ เช่น นิวยอร์ค, นิวเจอร์ซี่, เซาท์แคโลไรน่า รวมประมาณ 8-9 รัฐ ในวันที่ 1 ตุลาคม 2567 หากไม่สามารถทำข้อตกลงสัญญาใหม่ทดแทนสัญญาเดิมที่ครบกำหนดในวันที่ 30 กันยายน 2567 กับสหภาพการค้าเรือสินค้าแห่งสหรัฐอเมริกา (USMX) โดยต้องการเรียกร้องการปรับขึ้นอัตราค่าจ้าง
กรณีดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศทางทะเล มายังท่าเรือในพื้นที่ฝั่งตะวันออกของสหรัฐฯ อาทิ การปรับเปลี่ยนมาใช้สายการเดินเรือขนส่งสินค้าเส้นทางตะวันตกของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นเพื่อลดความเสี่ยง, ผู้นำเข้าสินค้าอาจใช้เวลาขนถ่ายสินค้าที่ท่าเรือเพิ่มขึ้นและมีค่าใช้จ่ายการค้างตู้ที่ท่าเรือเพิ่มขึ้น ฯลฯ ซึ่งปัญหาดังกล่าวทำให้ค่าขนส่งสินค้าทางทะเลเส้นทางไทย-สหรัฐฯ ในปัจจุบันปรับเพิ่มขึ้น 20-50% และเริ่มมีพื้นที่ให้บริการขนส่งสินค้าทางทะเลไม่เพียงพอกับความต้องการ เนื่องจากเกิดความล่าช้าในการจัดส่งสินค้า
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ได้วางแผนบริหารจัดการเพื่อรับมือปัญหาดังกล่าว โดยใช้จุดแข็งจากการเป็นผู้ให้บริการโลจิสติกส์ที่มีปริมาณขนส่งสินค้าทางทะเลเส้นทางไทย-สหรัฐฯ เป็นอันดับ 3 ของโลก และเป็นอันดับ 1 ในประเทศไทยในเส้นทางดังกล่าว รวมถึงมีความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้ประกอบการสายการเดินเรือไปยังสหรัฐฯ ในการประสานงานเพื่อจัดหาพื้นที่ขนส่งสินค้าให้เพียงพอกับความต้องการของลูกค้าในช่วงเวลาดังกล่าวเพื่อสร้างความมั่นใจ
"ในช่วงที่มีผลกระทบการขนส่งสินค้าไปยังฝั่งตะวันออกของสหรัฐฯ จากการนัดหยุดงานของคนงานในท่าเรือ ทีมงานฝ่ายขายของบริษัทฯ ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเพื่ออัพเดตข้อมูลแก่ลูกค้า ขณะเดียวกันบริษัทฯ มีความมั่นใจว่าจะทำผลการดำเนินงานครึ่งปีหลังของปีนี้เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะรายได้ที่คาดว่าจะเติบโตได้ดีจากความต้องการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศและค่าระวางเรือที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ เรามุ่งมั่นพัฒนาพัฒนาการให้บริการที่ดียิ่งขึ้น โดยก่อนหน้านี้ได้นำเสนอบริการ 'Dashboard' แก่ลูกค้าในสหรัฐฯ สามารถใช้บริการดังกล่าวเพื่อติดตามสถานะตู้คอนเทนเนอร์และเช็กระยะเวลาการขนส่งถึงปลายทางได้เองจากช่องทางเว็บไซต์ที่บริษัทฯ พัฒนาขึ้นเอง เพื่อเพิ่มความสะดวกแก่ลูกค้า" นายนันท์มนัส กล่าว