SABINA ปักธงเทรดหุ้น 15 พ.ค. ผู้บริหารมั่นใจพื้นฐานแกร่ง-จอง 32 บาทเหมาะสม

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday May 15, 2008 15:36 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--15 พ.ค.--มาสเตอร์ มายด์ คอมมิวนิเคชั่นส์
หุ้น SABINA ดีเดย์เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ 15 พ.ค.นี้ หลังระดมทุน 336 ล้านบาท เผยเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายชุดชั้นในชั้นนำที่ได้รับการยอมรับทั้งในและต่างประเทศ ผู้บริหารระบุไม่หวั่นภาวะตลาดผันผวน มั่นใจพื้นฐานแกร่ง เชื่อราคาหุ้นจอง 32 บาทให้ผลตอบแทนที่เหมาะสมกับนักลงทุนได้ พร้อมโชว์ผลประกอบการกำไรไตรมาสแรกโต 8%
หลังจากที่บริษัท ซาบีน่า จำกัด (มหาชน) หรือ SABINA ผู้ผลิตและจำหน่ายชุดชั้นในภายใต้เครื่องหมายการค้าหลัก “Sabina” และ “Sabinie” ได้เสนอขายหุ้นเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไป (IPO) จำนวน 10.5 ล้านหุ้น ในราคาจองหุ้นละ 32 บาท ระหว่างวันที่ 2-7 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ซึ่งปรากฏว่า หุ้นของบริษัทฯ ได้รับความสนใจและตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างดีนั้น ล่าสุดตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้สั่งรับหลักทรัพย์ของบริษัทฯ เข้าจดทะเบียนและกำหนดวันเข้าทำการซื้อขายในวันที่ 15 พฤษภาคม 2551 ภายใต้ กลุ่มอุตสาหกรรมอุปโภคบริโภคหมวดธุรกิจแฟชั่น โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายว่า “SABINA”
นายบุญชัย ปัณฑุรอัมพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซาบีน่า จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า นอกจากบริษัทฯ จะเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายชุดชั้นในภายใต้เครื่องหมายการค้าหลัก “Sabina” และ “Sabinie” แล้ว บริษัทฯ ยังผลิตและจำหน่ายชุดชั้นในตามคำสั่งของลูกค้า ซึ่งเป็นผู้จำหน่ายชุดชั้นในต่างประเทศ (OEM) อีกด้วย โดยลูกค้าส่วนใหญ่เป็นบริษัทที่มีชื่อเสียง ในทวีปยุโรป อเมริกา และสแกนดิเนเวีย เช่น ประเทศสหรัฐอเมริกา ประเทศฝรั่งเศส ประเทศอังกฤษ ประเทศเบลเยียม และประเทศสวีเดน
“แม้ว่า ภาพรวมของตลาดหลักทรัพย์ฯ จะยังคงผันผวน แต่เมื่อพิจารณาจากผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ที่ผ่านมา โดยเฉพาะในไตรมาสแรกของปี 2551 ที่กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 8% และเมื่อประเมินจาก ความต้องการของตลาดที่ยังคงมีการเติบโตต่อเนื่อง รวมทั้งการขยายฐานการตลาดที่ยังเป็นเป้าหมายหลักของ SABINA ประกอบกับความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมมาอย่างยาวนาน ทำให้พื้นฐานของบริษัทฯ มีความแข็งแกร่ง และเชื่อว่า ณ ระดับราคาจองซื้อที่ 32 บาท จะสามารถให้ผลตอบแทนที่เหมาะสมกับนักลงทุนได้” นายบุญชัยกล่าว
สำหรับผลประกอบการของบริษัท ซาบีน่า จำกัด (มหาชน) ประจำไตรมาสแรก สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2551 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 55.68 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.19 ล้าน บาท หรือ 8% เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปี 2550 ซึ่งบริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 51.49 ล้านบาท
ทั้งนี้ผลการดำเนินงานที่เติบโตขึ้นอย่างมาก มาจากการที่บริษัทมีการปรับกลยุทธ์ โดยหันมาเพิ่มสัดส่วนการผลิตและจำหน่ายในตลาดยุโรป ซึ่งจะได้รับผลกระทบจากเรื่องของอัตราแลกเปลี่ยนน้อยกว่าในสหรัฐอเมริกา รวมถึงการเน้นยอดขายและทำตลาดในประเทศมากขึ้น ประกอบกับทั้ง 2 ตลาดดังกล่าวถือว่า มีอัตราการทำกำไรที่สูงกว่าในสหรัฐอเมริกา โดยปัจจุบันบริษัทมีกำลังการผลิตรวมอยู่ที่ 1 ล้านชิ้นต่อเดือน แบ่งเป็นตลาดยุโรป 3 แสนชิ้นต่อเดือน และตลาดสหรัฐอเมริกา 1 แสนชิ้นต่อเดือนซึ่งลดลงจากเดิมที่อยู่ 4 แสนชิ้นต่อเดือน ส่วนที่เหลืออีก 6 แสนชิ้นจะอยู่ในตลาดในประเทศ
ส่วนเป้าหมายในการดำเนินธุรกิจในปี 2551 ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SABINA กล่าวว่า บริษัทฯ จะลดสัดส่วนการขายผลิตภัณฑ์ OEM ลง และจะหันมาเพิ่มสัดส่วนการขายสินค้าภายใต้แบรนด์หลักของตัวเองมากขึ้น เนื่องจากเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีอัตราการทำกำไรสูง โดยบริษัทฯ ตั้งเป้าหมายการเติบโตของรายได้จากการขายสินค้าภายใต้เครื่องหมายการค้าของบริษัทฯ และบริษัทย่อยในประเทศอยู่ที่ 15% ต่อปี ซึ่งเป็นอัตราเติบโตถัวเฉลี่ยตั้งแต่ปี 2551-2553
ขณะเดียวกัน บริษัทย่อยจะเพิ่มปริมาณการส่งออกสินค้าภายใต้เครื่องหมายการค้าของตัวเองเพื่อเพิ่มการรับรู้ในตราสินค้าในต่างประเทศให้มากขึ้น ทั้งในสิงคโปร์ พม่า บรูไน และอินเดีย โดยในปีนี้บริษัทฯ ตั้งเป้า ที่จะรักษารายได้จากการขายสินค้าภายใต้เครื่องหมายการค้า ของตนเองในต่างประเทศไว้ที่ 50 ล้านบาท
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซาบีน่า จำกัด (มหาชน) กล่าวด้วยว่า สำหรับเงินที่ได้รับจากการระดมทุนครั้งนี้ประมาณ 336 ล้านบาท บริษัทฯ จะนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน 259.42 ล้านบาท และชำระคืนหนี้เงินกู้ยืมระยะสั้นจากสถาบันการเงินจำนวน 60 ล้านบาท รวมถึงชำระหนี้เงินกู้ระยะยาว 4.5 ล้านบาท ทั้งนี้บริษัทฯ มีนโยบายการจ่ายเงินปันผลไม่ต่ำกว่าร้อยละ 40 ของกำไรสุทธิที่เหลือจากการหักภาษีและหักสำรองตามจำนวนที่กฎหมายกำหนด อย่างไรก็ตาม การจ่ายเงินปันผลดังกล่าวจะขึ้นอยู่กับแผนการลงทุน ความจำเป็น และความเหมาะสมอื่นๆ ในอนาคต
“เรามั่นใจในศักยภาพของบริษัทฯ จากการดำเนินธุรกิจมายาวนาน และเป็นที่รู้จัก รวมถึงได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ อีกทั้งกำลังการผลิตสินค้าที่จะรองรับความต้องการของลูกค้าได้มากถึง 13.44 ล้านชิ้นต่อปี จากโรงงานผลิต 4 แห่ง ได้แก่ จังหวัดชัยนาท ยโสธร นครปฐม และกรุงเทพมหานคร บวกกับเรามีช่องทางการจำหน่ายหลากหลายผ่านเคาน์เตอร์ภายในห้างสรรพสินค้าและดิสเคาน์สโตร์ทั่วประเทศ มากกว่า 350 จุดจำหน่าย ดังนั้นราคาหุ้นน่าจะสะท้อนไปในทิศทางที่ดี” นายบุญชัยกล่าว
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ :
ศิริขวัญ ธรรมชัยพิเนต (หยิง PR)
บริษัท มาสเตอร์ มายด์ คอมมิวนิเคชั่นส์ จำกัด ในนาม บริษัท ซาบีน่า จำกัด(มหาชน)
โทร: 0-2643-1191 ต่อ 15 หรือ 0-86321-7018 e-mail : c_mastermind@hotmail.com

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ