บริษัท บลูเวนเจอร์ ทีพีเอ จำกัด (BVTPA) ในเครือ บมจ.บลูเวนเจอร์ กรุ๊ป (BVG) ผู้นำด้านบริการ Third Party Administration (TPA) เผยถึงแนวโน้มการออกแบบแผนประกันสุขภาพและสวัสดิการพนักงานในองค์กรยุคใหม่ โดยเน้นการออกแบบที่เฉพาะเจาะจง ตอบสนองความต้องการของพนักงานแต่ละกลุ่มอย่างลงตัว เพื่อสร้างแรงจูงใจ เพิ่มความพึงพอใจ และเสริมสร้างการมีส่วนร่วมในองค์กร (Employee Engagement) พร้อมเปิดตัวบริการ TPA Employee Benefits Management หวังช่วยองค์กรลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการสวัสดิการในรูปแบบ Self-Insured ตั้งเป้าขยายฐานลูกค้าองค์กรเพิ่มอีก 30 รายในปี 2568
นายแพทย์สุธร ชุตินิยมการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บลูเวนเจอร์ ทีพีเอ จำกัด กล่าวถึงเทรนด์สวัสดิการสุขภาพของพนักงานว่า ในปัจจุบันพนักงานมีความต้องการแผนสวัสดิการที่หลากหลายและยืดหยุ่นมากขึ้น เนื่องจากมีไลฟ์สไตล์และความคาดหวังที่แตกต่างกันตามช่วงวัย องค์กรที่ต้องการดึงดูดและรักษาบุคลากรที่มีความสามารถจึงต้องออกแบบแผนสวัสดิการที่ตรงใจพนักงาน และสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการ เพื่อเพิ่มขวัญกำลังใจ ลดอัตราการลาออก และทำให้พนักงานมีส่วนร่วมกับองค์กรมากขึ้น จากการสำรวจความต้องการด้านสวัสดิการของพนักงานในแต่ละเจเนอเรชัน พบว่า:
- Baby Boomers: ต้องการการดูแลสุขภาพที่ครอบคลุม ทั้งการรักษาโรคเรื้อรังและการป้องกันโรค เนื่องจากช่วงวัยนี้เริ่มเผชิญกับปัญหาสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับอายุ ทำให้การเข้าถึงการรักษาพยาบาลที่มีคุณภาพและการป้องกันโรคมีความสำคัญมาก
- Gen X: มองหาสวัสดิการที่ยืดหยุ่นและครอบคลุมทั้งการดูแลสุขภาพของตนเองและครอบครัว รวมถึงการสนับสนุนด้านสุขภาพจิต และโปรแกรมส่งเสริมสุขภาพต่างๆ เช่น การออกกำลังกายและโภชนาการ เพื่อรักษาสมดุลระหว่างการทำงานและการใช้ชีวิตส่วนตัว
- Millennials: ชื่นชอบบริการสุขภาพดิจิทัล เช่น การแพทย์ทางไกล (Telemedicine) และแอปพลิเคชันด้านสุขภาพที่สามารถเข้าถึงได้ทุกที่ทุกเวลา นอกจากนี้ ยังให้ความสำคัญกับการส่งเสริมทักษะด้านต่างๆ และกิจกรรมที่ช่วยป้องกันโรค เช่น การออกกำลังกายหรือกิจกรรมพัฒนาตนเอง
- Gen Z: เน้นการดูแลสุขภาพจิต การเข้าถึงบริการสุขภาพที่ยืดหยุ่น และแพลตฟอร์มดิจิทัลที่สะดวกสบาย เช่น แอปพลิเคชันที่สามารถนัดหมายพบแพทย์หรือรับคำปรึกษาออนไลน์ได้ รวมถึงการเข้าถึงข้อมูลสุขภาพส่วนบุคคลได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย
"เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการที่หลากหลายนี้ บลูเวนเจอร์ ทีพีเอ จึงพัฒนาบริการ TPA Employee Benefits Management มุ่งเน้นการให้บริการในรูปแบบ Self-Insured ที่องค์กรสามารถออกแบบแผนสวัสดิการ ที่ปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการของพนักงานแต่ละกลุ่ม ทั้งด้านสุขภาพกายและสุขภาพจิตโดยพนักงานสามารถใช้บริการได้สะดวกสบายผ่าน TPACare Mobile Application เพื่อตรวจสอบสิทธิประโยชน์ของแผนสุขภาพ, ติดตามสถานะการเคลม, ค้นหาสถานพยาบาลเครือข่าย, พบแพทย์ออนไลน์, และเข้ารับบริการได้ที่เครือข่ายสถานพยาบาลทั่วประเทศโดยไม่ต้องสำรองจ่าย" นายแพทย์สุธร กล่าว
บริการ TPA Employee Benefits Management ไม่เพียงช่วยให้องค์กรสามารถออกแบบสวัสดิการได้ตามงบประมาณ แต่ยังช่วยควบคุมค่าใช้จ่ายด้านการรักษาพยาบาลได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีการประมวลผลผ่านระบบและทีมงานผู้เชี่ยวชาญ เพื่อลดภาระงานด้านเอกสารและค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น รวมถึงการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อเสนอแนะการปรับปรุงแผนสวัสดิการ หรือออกแบบโปรแกรมส่งเสริมสุขภาพเพิ่มเติม
สำหรับพนักงาน บริการนี้ช่วยให้พนักงานเลือกเบิกสวัสดิการได้เองผ่านแผน Flexible Benefits ที่ไม่ได้จำกัดเพียงการเบิกค่ารักษาพยาบาล แต่รวมถึงค่าแว่นตา ค่าฟิตเนส ค่าอุปกรณ์กีฬา ค่าเดินทางท่องเที่ยว และอื่นๆ อีกมากมาย พร้อมด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย เช่น แพลตฟอร์มสุขภาพออนไลน์ ระบบ e-claim และการพบหมอออนไลน์โดยไม่ต้องสำรองจ่าย ซึ่งตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ยุคดิจิทัลอย่างแท้จริง
"จุดแข็งของบริการ TPA Employee Benefits Management เกิดจากประสบการณ์กว่า 18 ปีของบลูเวนเจอร์ ทีพีเอ ในการให้บริการแก่ลูกค้าองค์กร ผนวกกับความร่วมมือกับเครือข่ายสถานพยาบาลทั่วประเทศ และการพัฒนานวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง เรามุ่งมั่นที่จะยกระดับการบริการให้ลูกค้าของเราได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุด" นายแพทย์สุธร กล่าว
บลูเวนเจอร์ ทีพีเอ ได้เปิดตัวบริการนี้อย่างเป็นทางการในงาน Thailand HR TECH 2024 ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดีจากองค์กรชั้นนำหลากหลายกลุ่ม โดยปัจจุบันมีลูกค้าด้าน Employee Benefits Management มากกว่า 30 กลุ่มบริษัท ตั้งเป้าขยายฐานลูกค้ากลุ่มนี้ เป็น 60 รายในปี 2568 และ 100 รายภายในปี 2570
นอกจากบริการบริหารสิทธิประโยชน์พนักงาน (TPA Employee Benefits Management) แล้ว บริษัท บลูเวนเจอร์ ทีพีเอ (BVTPA) ยังมีแผนขยายธุรกิจสู่ตลาดการวางแผนและให้คำปรึกษาด้านสุขภาพ ด้วยการเปิดตัวบริการใหม่ภายใต้ บริษัท บลูเวนเจอร์ เอชซีเอ็ม จำกัด (BVHCM) โดยบริการนี้จะเป็นการให้บริการช่วยเหลือทางการแพทย์ส่วนบุคคล (Personal Medical Concierge Services) ที่ครอบคลุมทุกขั้นตอนของการดูแลสุขภาพและรักษาพยาบาล ตั้งแต่การให้คำปรึกษาแนะนำทางการแพทย์ การวางแผนการรักษา การจัดการนัดหมาย รวมถึงการประสานงานกับสถานพยาบาลต่างๆ ตลอดการดูแลรักษา เน้นกลุ่มเป้าหมายชาวต่างชาติที่ต้องการเข้ารับการรักษาในประเทศไทย (Medical Tourism) และกลุ่มลูกค้าระดับ High-end ที่ต้องการการดูแลรักษาพยาบาลเฉพาะทาง
พร้อมพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์การบริการที่เหนือกว่า โดยคาดว่าแนวโน้มธุรกิจประกันสุขภาพในประเทศไทยจะมีมูลค่าสูงถึง 1.21 ล้านล้านบาทภายในปี 2569 ซึ่งถือเป็นโอกาสสำคัญในการเติบโตและขยายธุรกิจของเรา
"เรามุ่งมั่นที่จะเป็นพันธมิตรที่ดีที่สุดขององค์กรในการบริหารจัดการด้านสุขภาพและสวัสดิการพนักงาน เพื่อสร้างสรรค์สภาพแวดล้อมการทำงานที่ดี และทำให้พนักงานมีความสุขในการทำงาน" นายแพทย์สุธร กล่าวในตอนท้าย