ควอลคอมม์เดินหน้าในฐานะผู้นำในการพัฒนายานยนต์ที่กำหนดโดยซอฟต์แวร์ เปิดตัวแพลตฟอร์ม Snapdragon Cockpit Elite และ Snapdragon Ride Elite ใหม่ล่าสุด

ข่าวเทคโนโลยี Thursday October 24, 2024 14:48 —ThaiPR.net

ควอลคอมม์เดินหน้าในฐานะผู้นำในการพัฒนายานยนต์ที่กำหนดโดยซอฟต์แวร์ เปิดตัวแพลตฟอร์ม Snapdragon Cockpit Elite และ Snapdragon Ride Elite ใหม่ล่าสุด

บริษัท ควอลคอมม์ เทคโนโลยีส์ อินคอร์ปอเรชั่น (Qualcomm Technologies, Inc.) เปิดตัวแพลตฟอร์มยานยนต์ที่ทรงพลังที่สุด ขับเคลื่อนด้วย Qualcomm Oryon(TM) CPU หน่วยประมวลผลที่เร็วที่สุดของควอลคอมม์ เทคโนโลยีส์ พัฒนามาเพื่อความปลอดภัยและมอบความน่าเชื่อถือในยานยนต์ โดยแพลตฟอร์มระดับชั้นนำ (Elite) เหล่านี้เป็นการเสริมทัพล่าสุดในพอร์ตโฟลิโอของ Snapdragon(R) Digital Chassis(TM) Solution ออกแบบมาเพื่อมอบประสิทธิภาพและความฉลาดเหนือชั้นให้กับยานยนต์แห่งอนาคต ผู้ผลิตรถยนต์สามารถเลือกใช้ Snapdragon(R) Cockpit Elite เพื่อสร้างประสบการณ์ดิจิทัลที่ล้ำสมัย และ Snapdragon Ride(TM) Elite เพื่อเพิ่มศักยภาพในการขับขี่อัตโนมัติ อีกทั้งด้วยสถาปัตยกรรมที่ยืดหยุ่นเฉพาะตัว ผู้ผลิตรถยนต์ยังสามารถรวมฟังก์ชันการทำงานของดิจิทัลค็อกพิต (Digital Cockpit) และการขับขี่อัตโนมัติไว้ในชิป SoC เดียวกันได้ ซึ่งถือเป็นความสามารถด้านนวัตกรรมที่มีในโซลูชันSnapdragon Digital Chassis

นาคุล ดูกัล (Nakul Duggal) ผู้จัดการกลุ่มยานยนต์ อุตสาหกรรม และคลาวด์ของ Qualcomm Technologies, Inc. กล่าวว่า "ควอลคอมม์ เทคโนโลยีส์ ยังคงเป็นผู้นำด้านนวัตกรรม ด้วยแพลตฟอร์มอย่าง Snapdragon Cockpit Elite และ Snapdragon Ride Elite เนื่องจากอุตสาหกรรมยานยนต์มีการเปลี่ยนแปลงไปสู่การประมวลผลแบบรวมศูนย์ (Centralized computing) ยานพาหนะที่ควบคุมด้วยซอฟต์แวร์ และสถาปัตยกรรมที่ขับเคลื่อนด้วย AI ด้วยสมรรถนะการประมวลผล กราฟิก และ AI ที่ทรงพลังที่สุด ร่วมกับการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพระดับแนวหน้าในอุตสาหกรรม และการใช้งานซอฟต์แวร์ที่ล้ำสมัยสำหรับดิจิทัลค็อกพิตและการขับขี่อัตโนมัติ ทำให้แพลตฟอร์ม Snapdragon สำหรับยานยนต์รุ่นใหม่เหล่านี้ตอบโจทย์ความต้องการของอุตสาหกรรมในด้านการประมวลผลที่สูงขึ้น ช่วยให้ผู้ผลิตรถยนต์สามารถสร้างประสบการณ์การขับขี่ใหม่ๆ ให้กับลูกค้าได้"

รวมสถาปัตยกรรมเข้าด้วยกันมาพร้อมกับประสิทธิภาพที่เหนือชั้น

  • เพิ่มประสิทธิภาพ AI: ชิปประมวลผล NPU ออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับการใช้งาน AI หลายโมเดล เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพขึ้น 12 เท่าเมื่อเทียบกับแพลตฟอร์มค็อกพิตรุ่นก่อน* ช่วยให้สามารถประมวลผลข้อมูลจากสภาพแวดล้อมภายนอกและภายในห้องโดยสารได้แบบเรียลไทม์ ความก้าวหน้านี้ยังช่วยให้เกิดการตัดสินใจที่รวดเร็ว การตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลง และการให้ความช่วยเหลือเชิงรุก เพื่อมอบประสบการณ์ภายในห้องโดยสารที่ปรับแต่งตามความต้องการของผู้ใช้ นอกจากนี้ NPU ใน Snapdragon Ride Elite ยังมาพร้อมกับตัวเร่งการประมวลผลแบบทรานส์ฟอร์เมอร์ เวกเตอร์เอ็นจิน และรองรับความแม่นยำแบบผสม โดยออกแบบมาเพื่อส่งมอบการประมวลผลทรานส์ฟอร์เมอร์ที่ครบวงจร มีความแม่นยำสูง มีประสิทธิภาพ และมีความหน่วงต่ำ พร้อมรักษาประสิทธิภาพการทำงานและการใช้พลังงานให้เหมาะสม
  • การประมวลผลยืดหยุ่นและมีศูนย์กลางการใช้ซอฟต์แวร์เสมือนและรองรับหลายระบบปฏิบัติการ:แพลตฟอร์มที่มีความหลากหลายนี้สามารถทำงานบนแอปพลิเคชันหลายตัวพร้อมกันได้อย่างราบรื่นโดยไม่สูญเสียประสิทธิภาพการทำงาน ช่วยให้กล้องและเซ็นเซอร์หลายตัวทำงานพร้อมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมมอบประสบการณ์การใช้งานที่หลากหลาย รวมถึงฟีเจอร์เสียงขั้นสูงที่ขับเคลื่อนโดย AI ผ่านเทคโนโลยีการจำลองเสมือน ผู้ผลิตรถยนต์สามารออกแบบยานยนต์ที่กำหนดโดยซอฟต์แวร์ (SDV) ซึ่งสามารถปรับแต่งได้สำหรับรุ่นต่างๆ มอบความยืดหยุ่นและความสามารถในการพัฒนา อีกทั้งยังลดความซับซ้อนของสถาปัตยกรรมยานยนต์ สถาปัตยกรรมนี้ออกแบบมาเพื่อเร่งการใช้งาน ทำให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงนวัตกรรมและฟีเจอร์ใหม่ๆ ได้เร็วกว่าสถาปัตยกรรมก่อนหน้า นอกจากนี้แพลตฟอร์มยานยนต์ระดับ Elite ยังใช้ชุดซอฟต์แวร์ครบวงจรของ Qualcomm Technologies ที่รองรับการจำลองเสมือนฮาร์ดแวร์ด้วยไฮเปอร์ไวเซอร์แบบ Type-1 ที่ปลอดภัย สามารถรองรับเครื่องเสมือน (virtual machines) หลายตัวที่มีระบบปฏิบัติการแตกต่างกัน ทำงานพร้อมกันได้อย่างอิสระและไม่ถูกรบกวน
  • ประสิทธิภาพการใช้พลังงานชั้นนำในอุตสาหกรรม: ออกแบบมาเพื่อมอบประสิทธิภาพที่เหนือชั้น พร้อมลดการใช้พลังงาน และช่วยให้ยานยนต์ทำงานได้อย่างชาญฉลาดและยาวนานมากยิ่งขึ้น โซลูชันนี้เป็นการรวมกันของฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ในการจัดการพลังงานอัจฉริยะ ทำหน้าที่ปรับสมดุลการใช้งานของหน่วยประมวลผลหลักและระยะเวลาการทำงานของแอปพลิเคชัน
  • ประสบการณ์ใช้งานที่ง่ายดาย: แพลตฟอร์มเหล่านี้ออกแบบมาเพื่อรองรับแอปพลิเคชันที่เข้าใจบริบทการใช้งาน ช่วยให้การขับขี่อัตโนมัติที่ไร้การควบคุมสามารถคาดการณ์ความต้องการของผู้ขับ พร้อมติดตามผู้ขับขี่แบบเรียลไทม์และตรวจจับวัตถุที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นเพื่อการขับขี่ที่ราบรื่นและมั่นใจมากขึ้น นอกจากนี้ GPU Qualcomm(R) Adreno(TM) ได้พัฒนาขึ้นเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพถึง 3 เท่า* ด้วยสมรรถนะในการเรนเดอร์ขั้นสูง ตอบโจทย์ความต้องการด้านการเล่นเกม มัลติมีเดีย และข้อมูลของผู้ขับขี่
  • มุ่งเน้นความปลอดภัย: ออกแบบเพื่อรองรับมาตรฐานความปลอดภัยด้านยานยนต์ในระดับสูงสุดของระบบ ASIL-D โดยมีตัวควบคุมความปลอดภัยเฉพาะและสถาปัตยกรรมฮาร์ดแวร์ที่แข็งแกร่ง เพื่อให้การทำงานเป็นไปอย่างแยกส่วนและปราศจากการรบกวน ช่วยให้มั่นใจในคุณภาพบริการที่เชื่อถือได้สำหรับฟังก์ชัน ADAS โดยเฉพาะ ตลอดจนมอบความสะดวกสบายและความมั่นใจจากผู้ขับขี่และผู้โดยสาร
  • ใช้ซอฟต์แวร์เป็นตัวกำหนด: แพลตฟอร์มระดับ Elite ได้รับการออกแบบมาเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมไปสู่ยานยนต์ที่ใช้ซอฟต์แวร์เป็นตัวกำหนด (SDV) โดยมุ่งเน้นการเพิ่มความปลอดภัย และความสามารถในการอัปเกรดผ่านซอฟต์แวร์รวมที่เน้นการนำซอฟต์แวร์กลับมาใช้ใหม่ โดยแพลตฟอร์มนี้ช่วยให้ผู้ผลิตยานยนต์สามารถเร่งการพัฒนาฟีเจอร์ใหม่ๆ ได้เร็วขึ้นผ่านเวิร์กเบนช์บนคลาวด์ ทำให้การพัฒนาซอฟต์แวร์มีประสิทธิภาพมากขึ้น และลดระยะเวลาในการนำฟีเจอร์และบริการใหม่ๆ ออกสู่ตลาดได้เร็วขึ้น
  • ระบบกล้องล้ำสมัยเพื่อความปลอดภัยและความสะดวกสบาย: แพลตฟอร์มยานยนต์ระดับ Elite มีระบบกล้องที่ทรงพลังและมีประสิทธิภาพ พร้อมโปรเซสเซอร์สัญญาณภาพ (ISP) ที่ล้ำสมัย ทำให้ภาพคมชัดและตอบสนองในสภาวะการขับขี่ที่รุนแรงได้ดี ระบบเหล่านี้รองรับเซ็นเซอร์หลายประเภทมากกว่า 40 ตัว รวมถึงกล้องความละเอียดสูงถึง 20 ตัว ที่ให้การมองเห็นรอบทิศทาง 360 องศา และการตรวจสอบภายในรถ นอกจากนี้ แพลตฟอร์มของเราใช้เครื่องมือสร้างภาพการแสดงผลที่พัฒนาด้วย AI มอบคุณภาพภาพที่ดีที่สุดสำหรับประสบการณ์ในห้องโดยสาร และฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยที่ทันสมัย ซึ่งสามารถทำงานร่วมกับเซ็นเซอร์และรูปแบบยานยนต์ล่าสุด รวมถึงที่กำลังจะเปิดตัวในอนาคต
  • การขับขี่อัตโนมัติและชุดซอฟต์แวร์ AI: แพลตฟอร์ม Snapdragon Ride Elite แสดงตัวอย่างการจำลองเสมือนซอฟต์แวร์ โดยนำเสนอระบบการขับขี่อัตโนมัติแบบครบวงจรที่มาพร้อมฟีเจอร์ขั้นสูง เช่น การรับรู้ภาพ การรวมข้อมูลเซ็นเซอร์ การวางแผนเส้นทาง การระบุตำแหน่ง และการควบคุมยานพาหนะทั้งหมด ซึ่งทั้งหมดทำงานได้พร้อมกันอย่างอิสระและไม่ถูกรบกวน ในขณะเดียวกัน Snapdragon Cockpit Elite ยังรองรับฟีเจอร์มัลติมีเดียที่หลากหลาย รวมถึง AI ที่ทำงานบนอุปกรณ์พร้อมการร่วมกับ Edge orchestrator เต็มรูปแบบ เพื่อการเล่นเกมที่มีประสิทธิภาพและกราฟิก 3 มิติขั้นสูง มอบประสบการณ์เหนือชั้นให้กับผู้ใช้งาน นอกจากนี้ Snapdragon Cockpit Elite ออกแบบมาพร้อมคุณสมบัติด้านความปลอดภัย และการรองรับระยะยาว (ความเข้ากันได้ของ API) พร้อมด้วยความสามารถในการใช้งานแผงหน้าปัดเครื่องมือ แผงควบคุมข้อมูลความบันเทิง และการสร้างอินสแตนซ์สำหรับผู้โดยสารหลายรายในเครื่องเสมือน (virtual machines) ได้อย่างอิสระ นอกจากนี้ยังรองรับการแชร์เนื้อหาและข้อมูลที่ต้องการได้

ทั้งนี้ แพลตฟอร์ม Snapdragon Cockpit Elite และ Snapdragon Ride Elite จะพร้อมให้ทดลองใช้งานในปี 2025


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ