กรุงเทพฯ--16 พ.ค.--แม็กซิม่า คอนซัลแตนท์
เข้าสู่โค้งสุดท้ายแล้ว สำหรับการเฟ้นหาโฉมหน้า “แฟนต้ายุวทูตแห่งประเทศไทย” ประจำปี 2550 — 2551 ในรอบชิงชนะเลิศ ซึ่งจัดโดย บริษัท ไทยน้ำทิพย์ จำกัด, บริษัท หาดทิพย์ จำกัด (มหาชน), บริษัท โคคา-โคลา (ประเทศไทย) จำกัด และสำนักงานส่งเสริมสวัสดิภาพและพิทักษ์เด็ก เยาวชน ผู้ด้อยโอกาส คนพิการ และผู้สูงอายุ (สท.) ภายใต้หัวข้อ “รักษ์โลก รักถิ่นกำเนิด” โดยขณะนี้เยาวชน 180 คน ทั้ง 60 โรงเรียนจาก 6 ภาค ได้แก่ กทม., ภาคกลาง, ภาคใต้, ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ, ภาคเหนือ และภาคตะวันออก ต่างขะมักเขม้นเอาใจใส่และทุ่มเทกับโครงการของตนอย่างเต็มที่ เพื่อแสดงศักยภาพและประกาศศักดาของตน ครอบครัว โรงเรียน และชุมชน โดยวันนี้เราจะพาไปเยี่ยมชมความคืบหน้า 4 โรงเรียนใน กทม. กับ 4 โครงการ ว่าน้องๆ สนุกกับประสบการณ์นอกห้องเรียน ที่ออกนอกกรอบ แต่ไม่นอกลู่นอกทางนี้กันเพียงใด
เริ่มที่โครงการ “ยุวมัคคุเทศก์” โรงเรียนวัดเบญจมบพิตร นำทีมโดย น้องเติ้ล-ด.ช.วัศพล วุฒิประเสริฐ อายุ 13 ปี เล่าว่า “พวกเราเต็มที่มากครับ ขณะนี้พวกเราพยายามรวบรวมข้อมูลของวัด เดินสำรวจพื้นที่ และปรับปรุงทัศนียภาพของคลองภายในวัด ที่สำคัญสำหรับการเป็นยุวมัคคุเทศก์ แน่นอนว่าคือเรื่องของภาษา พวกเรามีการหัดภาษาอังกฤษ ภาษาจีนเพิ่มเติม โดยมีคุณครู คุณพ่อคุณแม่ และรุ่นพี่คอยช่วยเสริมและช่วยสอน เพื่อให้พวกเราพูดได้คล่องขึ้น ชัดเจนและเข้าใจขึ้น สามารถจะแนะนำสถานที่สำคัญและน่าสนใจภายในวัดเบญจมบพิตรได้ โดยตั้งเป้าหมายครอบคลุมทั้งนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติ และที่โรงเรียนของเราก็มีชมรมด้านนี้อยู่แล้ว คาดว่าจะชวนเพื่อนๆ ในชมรมมาช่วย พร้อมทั้งจะมีการประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อต่างๆ อาทิ ติดประกาศ ใบปลิว เสียงตามสาย เป็นต้น เพื่อจะได้เห็นผลในวงกว้างมากยิ่งขึ้น”
ต่อด้วยโครงการ “หน้าต่างชุมชน” โรงเรียนเซนต์คาเบรียล นำทีมโดย น้องบอสส์-ด.ช.วาริน เตชะวิเชียร อายุ 13 ปี กล่าวถึงโครงการของกลุ่มตนอย่างภูมิใจว่า “เราต้องการให้ชุมชนเรามีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น มีเงินหมุนเวียนภายในชุมชนมากขึ้น โดยผ่านการแนะนำผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่นในชุมชนให้เป็นที่รู้จัก พร้อมทั้งเพิ่มเติมเรื่องการแนะนำแหล่งเรียนรู้ที่น่าสนใจให้คนภายนอกได้เข้ามาท่องเที่ยวมากขึ้น ตอนนี้ได้เริ่มสำรวจสถานที่โดยรอบภายในชุมชน อย่างวัดราชาธิวาส โบสถ์เซนต์ฟรัง หมู่บ้านญวน ร้านขายของ ร้านอาหาร รวมถึงแหล่งเรียนรู้ต่างๆ ภายในโรงเรียน อาทิ พิพิธภัณฑ์หอย พิพิธภัณฑ์ผีเสื้อ เป็นต้น เพื่อจะหาจุดขายนำเสนอให้คนภายนอกมาเที่ยว มาจับจ่ายสินค้าในชุมชน เพราะหน้าต่างชุมชนคือการทำให้ชุมชนเปิดกว้าง ให้คนทั่วไปรับรู้ว่าชุมชนของเราเป็นอย่างไร มีอะไรที่น่าสนใจ นอกจากนั้น พวกเราจะช่วยนำของในชุมชนมาขาย อาทิ แหนมเนือง หมูยอญวน ก๋วยเตี๋ยวญวน เป็นต้น ผ่านการเผยแพร่ต่างๆ เช่น ใบปลิว บอร์ด เว็บไซต์ ตลอดจนการหาเครือข่ายเพื่อช่วยในการร่วมมืออีกทางหนึ่ง โดยวิธีการจะมุ่งเน้นการชักจูงในเชิงรุก“
ส่วนโครงการ “ดนตรีไทยสายน้ำ” โรงเรียนศึกษานารี นำทีมโดย น้องปิ๊ง-ด.ญ.อัญมณี โตวิทิตวงศ์ อายุ 12 ปี เผยว่า “ดีใจมากค่ะ ที่ได้เป็น 1 ใน 10 โรงเรียนของกทม. เพราะพวกเราตั้งใจกันมาก อยากนำดนตรีไทยที่เรียนมาเผยแพร่ ที่เลือกทำโครงการ ดนตรีไทยสายน้ำ เพราะว่าโรงเรียนเราติดแม่น้ำและรุ่นพี่เคยทำโครงงานดักจับไขมัน จึงนำมาต่อยอดและร้อยเรียง 2 เรื่องเข้าด้วยกัน ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการดำเนินการ ส่วนเรื่องของดนตรีได้อ.เสวก โสวัตรมาช่วยแต่งเพลงขึ้นใหม่เพื่อปลูกจิตใต้สำนึกให้คนรักษ์น้ำ และพัฒนาท่อดักจับไขมัน ที่ได้ทดลองใช้ในโรงอาหารแล้ว ปรากฏได้ผลตอบรับที่ดีมาก จากนั้นจะขยายสู่ชุมชนโดยมีวิธีทำง่ายๆ เพียงมีใยบวบและใบฝรั่งตากแห้ง ซึ่งมีคุณสมบัติในการดักจับไขมันและดับกลิ่นวางเป็นชั้นสลับกันในท่อ เพียงเท่านี้เราก็จะได้สายน้ำที่สะอาดกลับคืนมา โดยที่คนในสังคมต้องร่วมมือกัน”
ปิดท้ายที่โครงการ “นมผักกระเฉดดูดซับคราบน้ำมัน” โรงเรียนเขมะสิริอนุสสรณ์ นำทีมโดย น้องมะเฟือง-ด.ญ. ฐิติทรัพย์ ศรีวโล อายุ 13 ปี เล่าพร้อมรอยยิ้มแห่งความมุ่งมั่นว่า “ไอเดียมาจากข่าวเรือน้ำมันอับปางที่เกาหลีเหนือที่ส่งผลกระทบจำนวนมากทั้งมนุษย์และสิ่งมีชีวิตอื่นๆ และคุณพ่อเป็นคนชอบทำกับข้าวด้วย พอดีลองเอาผักกระเฉดมาบีบๆ ดู เหมือนฟองน้ำ เลยเอามาทดลองดูในห้องแลปเพื่อสังเกตผล ปรากฏว่ามีคุณสมบัติในการดูดซับได้ ขั้นตอนการทำคือเอานมผักกระเฉดมาใส่ในตาข่าย สอดไว้ใต้ตะแกรงในโรงอาหาร 3 โรง และที่คลองวัดภคินีนาถด้านหลังโรงเรียนซึ่งเต็มไปด้วยคราบน้ำมันจากบ้านเรือนและร้านค้า ระยะเวลาในการเปลี่ยนขึ้นอยู่กับการใช้งาน โดยนมผักกระเฉดสามารถย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ กว่า 1 ปีที่ทำมาสิ่งที่ชุมชนได้รับคือระบบนิเวศไม่ถูกทำลาย น้ำใสขึ้น คนกับธรรมชาติอาศัยพึ่งพิงกันได้ เพราะพวกเราต้องการดูดคราบน้ำมันที่เป็นปัญหาใหญ่ของแหล่งน้ำ อีกทั้งยังเป็นการช่วยลดภาวะโลกร้อนอีกทางหนึ่ง เพราะน้ำสามารถระเหยได้ง่ายขึ้น ช่วยให้ฝนตกต้องตามฤดูกาล”
ใครจะเป็นผู้พิชิตตำแหน่งแฟนต้ายุวทูตแห่งประเทศไทย ประจำปี 2550 — 2551 พร้อมได้รับถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี, โล่เกียรติยศฯ และทุนการศึกษาคนละ 10,000 บาท พร้อมได้เดินทางไปทัศนศึกษาที่ประเทศญี่ปุ่น ตามลุ้นตามเชียร์และเป็นกำลังใจพร้อมกันได้ ตั้งแต่ปลายเดือนพฤษภาคม-มิถุนายนศกนี้ เริ่มประกวดรอบชิงชนะเลิศภาคแรกที่ภาคใต้ วันที่ 31 พฤษภาคม — 1 มิถุนายน 2551 ณ โอเดียน ช้อปปิ้งมอลล์ หาดใหญ่ จ.สงขลา/ กทม. และภาคกลาง วันที่ 7 — 8 มิถุนายน 2551 ณ เดอะมอลล์ งามวงศ์วาน/ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ วันที่ 14 —15 มิถุนายน 2551 ณ เดอะมอลล์โคราช จ.นครราชสีมา/ ภาคเหนือ วันที่ 21 — 22 มิถุนายน 2551 ณ เซ็นทรัล พลาซา เชียงใหม่ แอร์พอร์ต จ.เชียงใหม่ และสิ้นสุดที่ภาคตะวันออก วันที่ 28 — 29 มิถุนายน 2551 ณ เซ็นทรัล เซ็นเตอร์ พัทยา จ.ชลบุรี
หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ
บริษัท แม็กซิม่า คอนซัลแตนท์ จำกัด โทร 0-2434-8300
คุณสุจินดา, คุณแสงนภา, คุณปิติยา