"อินเดีย" โอกาสผู้ประกอบการธุรกิจอาหารและแพ็กเกจจิ้งไทยไปโต
เอกา โกลบอล ตอกย้ำผู้นำตลาดบรรจุภัณฑ์ยืดอายุ เปิดเกมรุกหนักตลาดอินเดีย จับจังหวะเปิดโรงงานแห่งใหม่ที่เมืองปูเน่ เพิ่มโอกาสกวาดยอดขายปีนี้กว่า 200 ล้านบาท ปูทางธุรกิจ 5 ปี ยอดขายทะลุ 1,000 ล้านบาท เตรียมแผนนำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ประเทศอินเดีย
นายชัยวัฒน์ นันทิรุจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอกา โกลบอล จำกัด (EKA GLOBAL) ผู้นำตลาดนวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ยืดอายุอาหาร (Longevity Packaging) เป็นบรรจุภัณฑ์ชนิดพลาสติกขึ้นรูป (Rigid Barrier Plastic Packaging) รายใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชีย และดำเนินธุรกิจด้วยความภาคภูมิใจกว่าสองทศวรรษ เปิดเผยว่า บริษัทฯ ขยายการลงทุนในประเทศอินเดีย โดยเข้าไปจัดตั้งโรงงานแห่งใหม่ที่เมืองปูเน่ (PUNE) นับตั้งแต่ปี 2565 เพราะมองเห็นศักยภาพและโอกาสสูงของตลาดอินเดีย โดยเมืองปูเน่ เป็นเมืองใหญ่อันดับ 7 - 8 ของประเทศอินเดีย และมีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของอินเดียทางฝั่งตะวันตก ซึ่งเป็นรองเพียงเมืองมุมไบ มีศัยกภาพสูงจากอัตราการเติบโตด้านการบริโภคและกำลังซื้อที่เพิ่มขึ้นทุกปีของประชากรในเมืองปูเน่
ทั้งนี้ ในปีที่ผ่านมา นวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ยืดอายุอาหาร (Longevity Packaging) ของบริษัทฯ ได้รับการยอมรับเป็นอย่างมากในตลาดอินเดีย จากจุดเด่นของบรรจุภัณฑ์ที่มีน้ำหนักเบา สะอาดปลอดภัย และรักษาคุณภาพอาหาร คงกลิ่น สี และรสชาติอาหาร เหมือนเพิ่งปรุงใหม่จากเตา พร้อมคุณสมบัติพิเศษช่วยยืดอายุอาหารโดยไม่ต้องแช่ตู้เย็นได้ยาวนานถึง 2 ปี ส่งผลให้ตลาดอินเดียมีอัตราการเติบโตกว่า 100% ทุกปี
"การแข่งขันในตลาดอินเดียถือว่าไม่สูงมากนัก และการเลียนแบบแพ็กเกจจิ้งในตลาดยังมีน้อย โดยเฉพาะเซ็กเมนต์บรรจุภัณฑ์พรีเมียมที่มีนวัตกรรมช่วยยืดอายุอาหารที่บริษัทฯ ทำอยู่ ในฐานะที่บริษัทฯ เป็นทั้งผู้บุกเบิกและผู้นำในตลาดอินเดีย มั่นใจตลาดอินเดียอย่างมาก จากศักยภาพของประเทศที่มีจำนวนประชากรทั่วประเทศกว่า 1,500 ล้านคน และส่วนมากเป็นกลุ่มคนที่มีกำลังการบริโภคที่สูงมาก" นายชัยวัฒน์ กล่าว
สำหรับโมเดลธุรกิจของบริษัทฯ จะเป็นรูปแบบของ Business to Business โดยบริษัทฯ มีฐานลูกค้าหลักเป็นธุรกิจผู้ผลิตอาหารและขนมหวานขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ในประเทศอินเดีย มากกว่า 300 - 400 ราย ซึ่งปัจจุบันมีคำสั่งซื้อต่อรายมากกว่า 1 หมื่นชิ้นต่อเดือน และมีแนวโน้มจะเพิ่มสูงขึ้นอีกในอนาคต โดยโรงงานแห่งใหม่ที่เมืองปูเน่ จะเข้ามารองรับดีมานด์ที่สูงของตลาดนี้
นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า บริษัทฯ คาดการณ์ยอดขายตลาดอินเดีย ปี 2567 ที่ 450 ล้านรูปี หรือ ประมาณ 200 ล้านบาท ขณะที่ ปี 2568 บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายยอดขายที่ 800 ล้านรูปี หรือ ประมาณ 400 ล้านบาท ซึ่งเป็นไปในระดับเทียบเท่ากับยอดขายในตลาดประเทศไทย ทั้งนี้ ด้วยศักยภาพของตลาดอินเดียที่เติบโตโดดเด่น คาดการณ์อัตราการเติบโตของยอดขายจะเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 30% ต่อปี บริษัทฯ มองเป้าหมายยอดขาย 5 ปี จะแตะระดับ 2,400 ล้านรูปี ซึ่งคิดเป็นประมาณ 1,000 ล้านบาท ด้วยกำลังการผลิตประมาณ 500,000 ชิ้นต่อวัน โดยหากเป็นไปตามเป้าหมาย บริษัทฯ เตรียมแผนจะนำบริษัทฯ เข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ประเทศอินเดีย
นอกจากแผนงานดังกล่าวแล้ว บริษัทฯ มุ่งมั่นและให้ความสำคัญกับการทำธุรกิจที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน โดยเน้นพัฒนากลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อม ได้แก่ บรรจุภัณฑ์ Bioplastic (PLA) บรรจุภัณฑ์ Biodegradable ที่ผลิตจากวัตถุดิบธรรมชาติทั้งหมดและสามารถย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ และบรรจุภัณฑ์ที่ผลิตจากเม็ดพลาสติกรีไซเคิล (PCR) หรือ เรซิน รีไซเคิล และจากการทำการศึกษาตลาดผลิตภัณฑ์สินค้า "อินเดีย" ได้ให้ความสำคัญในเรื่องนี้ และเริ่มเห็นการใช้ผลิตภัณฑ์ทดแทนต่าง ๆ หรือ ผลิตภัณฑ์ย่อยสลายได้ ผลิตภัณฑ์พลาสติกรีไซเคิลแล้ว
ปัจจุบัน "เอกา โกลบอล" มีบรรจุภัณฑ์ยืดอายุอาหาร (Longevity Packaging) ใน 6 กลุ่มหลัก ดังนี้ 1. FRUITS บรรจุภัณฑ์สำหรับผลไม้แปรรูป 2. BABY FOODS บรรจุภัณฑ์สำหรับอาหารเด็ก 3. RICE บรรจุภัณฑ์สำหรับข้าวหุงสำเร็จ 4. SEAFOOD/TUNA บรรจุภัณฑ์สำหรับอาหารปลาและอาหารทะเล 5. DAIRY PRODUCTS (YOGURTS) บรรจุภัณฑ์สำหรับผลิตภัณฑ์จากนม และ 6. PET-FOODS บรรจุภัณฑ์สำหรับอาหารสัตว์ โดยแต่ละกลุ่มผลิตภัณฑ์มุ่งเน้นเทคโนโลยีที่ทันสมัย มีคุณภาพและมาตรฐานระดับโลกในด้านความสะอาดและปลอดภัยในระดับสากล อาทิ ISO 9001: 2015, FSSC 22000 และ GMP/HACCP