กรุงเทพฯ--16 พ.ค.--ธนาคารนครหลวงไทย
ธนาคารนครหลวงไทยรุกเพิ่มฐานลูกค้าเอสเอ็มอีทั่วประเทศด้วยการเปิดศูนย์ธุรกิจ 12 แห่ง ภายใน 3 ปี เพื่อสนับสนุนการให้บริการทางการเงินแบบครบวงจรของธนาคารและบริษัทในเครือแบบ One Stop Service ประเดิมเปิดศูนย์ธุรกิจสาขาถนนสุรศักดิ์ 1 จังหวัดชลบุรี เป็นแห่งแรก
นายชัยวัฒน์ อุทัยวรรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคาร นครหลวงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ธนาคารตั้งเป้าที่จะขยายฐานลูกค้าธุรกิจขนาดกลางและ ขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ตามแผนธุรกิจ 3 ปี ระหว่างปี 2551-2553 ภายใต้กลยุทธ์ 3 แนวทาง ได้แก่ 1. การให้บริการทางการเงินภายใต้แนวคิดของการเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจที่ให้บริการทางการเงินอย่างครบวงจรและยั่งยืนบนพื้นฐานของความสัมพันธ์และความผูกพันระหว่างธนาคารกับลูกค้า หรือ “Right Business Partner for Life” โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าเอสเอ็มอีที่มีโครงการขยายธุรกิจเพิ่มเติมจากเดิมและกลุ่มลูกค้าที่ประสพความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจมาแล้วระยะหนึ่ง 2. การพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเงินใหม่ ๆ ที่เป็นประโยชน์และตอบสนองความต้องการกับกลุ่มลูกค้าเอสเอ็มอี และ 3. การเปิดศูนย์ธุรกิจ (Business Center) จำนวน 12 แห่ง ภายใน 3 ปี เพื่อเป็นการสนับสนุนการให้บริการทางการเงินทางด้านสินเชื่อและบริการเสริมอื่น ๆ ของธนาคารและบริษัทในเครือทั้ง 5 แห่ง ในลักษณะแบบเบ็ดเสร็จจุดเดียว (One Stop Service) แก่กลุ่มลูกค้าธุรกิจเอสเอ็มอีในพื้นที่หรือแหล่งที่มีศักยภาพทางธุรกิจสูง (Trading Area) กระจายตามภูมิภาคทั่วประเทศอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ในปี 2551 ตั้งเป้าที่จะเปิดศูนย์ธุรกิจ 4 แห่ง ได้แก่ ศูนย์ธุรกิจสาขาถนนสุรศักดิ์ 1 จังหวัดชลบุรี เป็นแห่งแรก เบื้องต้นคาดว่า ศูนย์ธุรกิจสาขาถนนสุรศักดิ์ 1 จะสามารถพิจารณาอนุมัติสินเชื่อประมาณ 1,500 ล้านบาท และมียอดการเบิกจ่ายไม่น้อยกว่า 500 ล้านบาท และภายใน 3 ปีข้างหน้า คาดว่าจะสามารถขยายฐานลูกค้าเอสเอ็มอีรายใหม่ได้ไม่ต่ำกว่าปีละ 300 ราย โดยเน้นกลุ่มลูกค้าเอสเอ็มอีในภาคธุรกิจอุตสาหกรรมพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ อุตสาหกรรมการผลิตทั้งในและนอกเขตนิคมอุตสาหกรรมในภาคตะวันออกทั้งหมด ตลอดจนอุตสาหกรรมภาคการบริการ เช่น การท่องเที่ยวและโรงแรม เป็นต้น และภายในปีนี้ธนาคารจะทยอยเปิดศูนย์ธุรกิจอีก 3 แห่ง ที่จังหวัดนครราชสีมา จังหวัดสุราษฎร์ธานี และจังหวัดเชียงใหม่ ต่อไป
“ธนาคารเชื่อมั่นว่าปริมาณสินเชื่อกลุ่มเอสเอ็มอีในปีนี้จะเพิ่มขึ้นสุทธิจากปีก่อนประมาณ 21,000 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 15 เนื่องจากธนาคารคาดว่ายังมีฐานลูกค้าที่มีศักยภาพและสามารถพัฒนาธุรกิจให้เติบโตกระจายอยู่เป็นจำนวนมาก ถึงแม้ว่าผู้ประกอบการธุรกิจเอสเอ็มอีต้องเผชิญแรงกดดันจากภาวะเศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศ ตลอดจนปัจจัยต้นทุนทางการผลิตโดยเฉพาะเรื่องราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มสูงขึ้น” นายชัยวัฒน์ กล่าว