KTAMเดินหน้าขาย2กองทุนพันธบัตรใน-ตปท. พร้อมประกาศจ่ายปันผลKTDF-KTLF22พ.ค.นี้

ข่าวเศรษฐกิจ Friday May 16, 2008 11:20 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--16 พ.ค.--บลจ.กรุงไทย
นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทจะเพิ่มทางเลือกให้กับผู้ลงทุน โดยการเปิดจำหน่ายกองทุนประเภทตราสารหนี้ ที่ลงทุนทั้งในและ ต่างประเทศให้กับลูกค้าได้เลือกตามความเหมาะสม ในระหว่างวันที่ 20-26 พฤษภาคม 2551 บริษัทจะเปิดจำหน่ายหน่วยลงทุนกองทุนรวมกรุงไทยตราสารการเงินคุ้มครองเงินต้น 36 ( KT3M36) อายุโครงการ 3 เดือน มูลค่า2,000 ล้านบาท
เป็นกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในตราสารที่มุ่งจะให้เกิดความคุ้มครองเงินต้น ได้แก่ ตราสารภาครัฐไทย ตั๋วสัญญาใช้เงินหรือ บัตรเงินฝากที่บริษัทเงินทุนหรือบริษัทเครดิตฟองซิเอร์ หรือบัตรเงินฝาก ที่ธนาคารพาณิชย์เป็นผู้ออก หรือทรัพย์สินอื่นที่มีความเสี่ยงต่ำหรือมีความเสี่ยงเทียบเคียงได้กับตราสารภาครัฐไทย ทั้งนี้ โดยได้รับความเห็นชอบจากสำนักงานคณะกรรมการก.ล.ต. โดยกองทุนจะลงทุนในตราสารข้างต้นเพื่อเป็นทรัพย์สินของกองทุนรวมมีมูลค่ารวมกันทั้งสิ้นไม่น้อยกว่าร้อยละ 98ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน จึงเหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ในระดับต่ำ และต้องการลงทุนในกองทุนที่คุ้มครองเงินต้น พร้อมทั้งมีโอกาสได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนที่สูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำของธนาคารพาณิชย์
นอกจากนี้บริษัทจะเปิดจำหน่ายหน่วยลงทุนกองทุนรวมกรุงไทยตราสารต่างประเทศ6เดือน7(KTFIF6M7) ในระหว่างวันที่ 21-27 พฤษภาคม มูลค่าโครงการ 3,100 ล้านบาท อายุ 6เดือน เป็นกองทุนที่มีนโยบายลงทุน โดยเน้นลงทุนในเงินฝากในสถาบันการเงิน ตราสารแห่งหนี้ หรือตราสารทางการเงินอื่นใด ที่มีคุณภาพในต่างประเทศเป็นหลัก เช่น พันธบัตรภาครัฐประเทศเกาหลีใต้ เป็นต้น ไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ส่วนที่เหลือจะลงทุนตราสารหนี้ในประเทศ ทั้งของภาครัฐและเอกชน ซึ่งมีอันดับความน่าเชื่อถือ (Credit Rating) อยู่ในระดับที่สามารถลงทุนได้ (Investment Grade) และกองทุนจะทำการป้องกัน ความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน
นายสมชัย กล่าวถึง สถานการณ์การลงทุนในพันธบัตรภาครัฐของประเทศเกาหลีใต้ ว่า ยังมีแนวโน้มที่จะได้รับแรงกดดันจากเงินเฟ้อ ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้ปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ในขณะที่ ตลาดอัตราแลกเปลี่ยนมีความผันผวนอย่างมาก จากการแข็งค่าของเงินสกุลดอลล่าห์สหรัฐฯ ทำให้ต้นทุนการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนสกุลวอนเมื่อแปลงกลับมาเป็นสกุลบาทเพิ่มขึ้นค่อนข้างมาก ทำให้มีแนวโน้มที่ผลตอบแทนจากการลงทุนในพันธบัตรภาครัฐเกาหลีใต้เมื่อแปลงเป็นสกุลบาทเริ่มปรับลดลงบ้าง แต่ก็ยังอยู่ในภาวะที่สามารถลงทุนได้ และมีโอกาสให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าการลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐของไทยที่มีอายุใกล้เคียงกัน
นายสมชัย กล่าวต่อไปว่า ที่ประชุมคณะกรรมการจัดการลงทุนของบริษัทมีมติให้จ่ายเงินปันผล 2 กองทุน ประกอบด้วย กองทุนเปิดกรุงไทยตราสารหนี้ปันผล ( KTDF) ซึ่งเป็นผลการดำเนินงานในรอบระยะเวลาบัญชีสิ้นสุด ณ วันที่ 30 เมษายน 2551 ในอัตรา0.30 บาทต่อหน่วย โดยบริษัทจะทำการปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหน่วยลงทุนในวันที่ 21 พฤษภาคม 2551 และจะทำการจ่ายเงินปันผลในวันที่ 22 พฤษภาคม 2551
กองทุนKTDF ถือเป็นกองทุนตราสารหนี้ทั่วไปที่มีนโยบายการจ่ายเงินปันผล เหมาะสำหรับลูกค้านิติบุคคลที่มีสภาพคล่องเหลือ หรือต้องการพักเงินเพื่อรอจังหวะลงทุน โดยแนวทางการบริหารจะปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ตามภาวะตลาด ซึ่งการคัดเลือกตราสารหนี้ที่จะลงทุนจะคำนึงถึงมูลค่าผลตอบแทนที่เหมาะสม สภาพคล่อง และคุณภาพของตราสารหนี้ โดยตราสารหนี้ภาคเอกชนจะลงทุนเฉพาะที่มีอันดับความน่าเชื่อถือ 2 อันดับแรกเป็นหลัก สำหรับพอร์ตการลงทุน ณ. วันที่ 30 เมษายน2551 กองทุน KTDF มีสัดส่วนการลงทุนในพันธบัตรภาครัฐของไทยร้อยละ 63.4 ตราสารหนี้และเงินฝากระยะสั้นในสถาบันการเงินร้อยละ 9.8 ลงทุนในหุ้นกู้ภาคเอกชนที่มีอันดับความน่าเชื่อสองอันดับแรกขึ้นไปในอัตราร้อยละ 15.6 ถือเงินสดและเงินฝากธนาคารร้อยละ 11.2 สำหรับผลตอบแทนของกองทุน KTDF ในช่วงเดือนมกราคม-เมษายน 2551 อยู่ที่ประมาณ 5.48 % ต่อปี
นอกจากนี้ ยังมีมติให้จ่ายเงินปันผลกองทุนเปิดกรุงไทยหุ้นระยะยาว ( KTLF) ในอัตรา0.15 บาทต่อหน่วย ซึ่งเป็นผลการดำเนินงานในรอบระยะเวลาบัญชีสิ้นสุด ณ วันที่ 30 เมษายน 2551 โดยบริษัทได้ทำการปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหน่วยลงทุนในวันที่ 15 พฤษภาคม 2551 และจะทำการจ่ายเงินปันผลในวันที่ 22 พฤษภาคม 2551 โดยบริษัทบริหารกองทุนให้สามารถจ่ายเงินปันผลที่สม่ำเสมอทุกปีและได้ผลตอบแทนที่ดี ในปี 2550 ผลตอบแทนของกองทุนอยู่ที่ 37.4% สูงกว่า SET INDEX ซึ่งอยู่ที่ 26.2% และ SET 50 INDEX อยู่ที่ 33.3 % และในปี 2551 บริษัทก็สามารถบริหารกองทุนให้ได้ผลตอบแทนที่ดีสม่ำเสมอ แม้ว่า ผลตอบแทนของ SET INDEX และ SET 50 INDEX ใน 4 เดือนแรกของปีนี้ ( ม.ค.- เม.ย. 2551) จะติดลบถึง -3% และ -5% แต่กองทุนKTLF มีผลตอบแทนอยู่ที่ 0.26% ซึ่งเป็นผลจากการที่บริษัทให้ความสำคัญกับการเลือกหลักทรัพย์และจัดน้ำหนักการลงทุนในหุ้นที่มีพื้นฐานดี มีราคาเหมาะสม ทำให้ความเสี่ยงจากความผิดพลาดในการเลือกหุ้นต่ำ ประกอบกับใช้การกระจายความเสี่ยงและให้น้ำหนักการลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมที่ได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
คุณแสงสิริ เนตรอัมพร
โทร 0-2670-4900 ต่อ 1235 หรือ 085-1800-441

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ