ก.ล.ต.นับหนึ่งแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหุ้น (ไฟลิ่ง) ของบมจ.พีเคเอ็น อินเตอร์โฮลดิ้ง (PKN) เพื่อเตรียมเสนอขายไอพีโอ จำนวน 25.40 ล้านหุ้น คิดเป็น 25.30% ของจำนวนหุ้นที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมด และมีแผนเข้าจดทะเบียนตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ในกลุ่มอุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภค ระดมทุนรองรับแผนการขยายตัวของสินค้าลิขสิทธิ์เพื่อการเติบโตในอนาคต พร้อมตั้งเป้าเป็นผู้นำในการสร้างสรรค์สินค้าลิขสิทธิ์ที่มีนวัตกรรม เพื่อความสำเร็จทางการตลาดของลูกค้าธุรกิจ และพัฒนาสินค้าที่เชื่อมต่อประสบการณ์พิเศษกับผู้บริโภค และนักสะสมในไทยและอาเซียน
นายนพพล มิลินทางกูร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีเคเอ็น อินเตอร์โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) (PKN) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (Filing) เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 25,400,000 หุ้น คิดเป็น 25.30% ของจำนวนหุ้นที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดหลัง IPO มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท และมีแผนจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ในกลุ่มอุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภค เพื่อรองรับแผนการขยายตัวของสินค้าลิขสิทธิ์เพื่อการเติบโตในอนาคต
โดย PKN จะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ ไปใช้เพื่อลงทุนสำหรับการเติบโตของธุรกิจสินค้าลิขสิทธิ์ของบริษัทฯ ได้แก่ (1) การทำสินค้า Art Toy ด้วยคาแรคเตอร์ของศิลปินชาวไทยที่เป็นที่รู้จักและศิลปินไทยหน้าใหม่ผ่านการจัดประกวดออกแบบคาแรคเตอร์ เพื่อสร้างโอกาสในการเติบโตและช่วงชิงส่วนแบ่งการตลาดของสินค้า Art Toy ที่กำลังเป็นกระแสนิยมในปัจจุบัน (2) การขยายไปตลาดต่างประเทศ (3) การขยายช่องทางการจัดจำหน่ายโดยการเปิดสาขาตัวเอง และ (4) การเข้าเป็น License Agent เพื่อเพิ่มรายได้ในรูปแบบใหม่ๆ รวมถึงจะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปใช้เป็นเงินลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องและมีศักยภาพในอนาคต เช่น การเข้าซื้อกิจการ (M&A) และเพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ
PKN ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายสินค้าไลฟ์สไตล์ สินค้าเพื่อการสะสม สินค้าลิมิเต็ด สินค้าพรีเมียม และสินค้าลิขสิทธิ์ ปัจจุบัน บริษัทฯ ผลิตและจำหน่ายสินค้าลิขสิทธิ์มานานกว่า 6 ปี และมี License Portfolio จากตัวการ์ตูนและคาแรคเตอร์ของภาพยนตร์หรือแอนิเมชันที่เป็นที่นิยมมากกว่า 100 คาแรคเตอร์ จากผู้ให้ลิขสิทธิ์ชั้นนำจากทั้งฝั่งสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็น Universal Studio, The Walt Disney และ Dream Express (DEX) เป็นต้น รวมถึงบริษัทอยู่ระหว่างการขยาย License Portfolio อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะลิขสิทธิ์จากศิลปิน (Creator) ชาวไทย เพื่อผลักดันผลงานการออกแบบของศิลปินชาวไทยให้กลายเป็น Soft Power ที่สำคัญ โดยบริษัทฯ เป็น One-Stop Service License Solution ให้แก่ลูกค้ากลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ (B2B) ในหลากหลายอุตสาหกรรม ซึ่งบริษัทฯ มีความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้ากลุ่มธุรกิจรายใหญ่มาโดยตลอดและมียอดขายจากลูกค้ากลุ่มดังกล่าวเติบโตอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังเป็นเจ้าของแบรนด์ IGNITE ซึ่งผลิตและจำหน่ายสินค้าลิขสิทธิ์ให้กับลูกค้ารายย่อย (B2C) ด้วยการสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ร่วมกับดีไซน์ที่ทันสมัย และการเลือกคาแรคเตอร์ที่เป็นที่นิยมอย่างต่อเนื่องเหมาะแก่การสะสม
นางดาริน กาญจนะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออพท์เอเชีย แคปิตอล จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน บริษัท พีเคเอ็น อินเตอร์โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) (PKN) กล่าวว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้นับหนึ่งแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (ไฟลิ่ง) ของ PKN ในวันที่ 16 ตุลาคม 2567 ที่ผ่านมา และมีแผนจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ในกลุ่มอุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภค
สำหรับผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 ปี (2564-2566) บริษัทฯ มีรายได้รวม 141.22 ล้านบาท 238.07 ล้านบาท และ 252.06 ล้านบาท ตามลำดับ และในไตรมาส 2/2567 มีรายได้ 122.16 ล้านบาท โดยรายได้ของบริษัทฯ มาจาก 3 กลุ่มหลัก 1) รายได้จากสินค้าลิขสิทธิ์จากลูกค้ากลุ่มธุรกิจ (B2B) 2) รายได้จากสินค้าลิขสิทธิ์จากลูกค้ารายย่อย (B2C) และ 3) รายได้จากสินค้าและบริการอื่นๆ
ในปี 2566 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 13.65 ล้านบาท และในไตรมาสที่ 2/2567 มีกำไรสุทธิ 7.36 ล้านบาท PKN โดดเด่นในด้านความสามารถในการทำกำไร โดย มี GPM ในปี 2566 เท่ากับ 33% และในไตรมาสที่ 2/2567 เท่ากับ 39%
บริษัทฯ มีนโยบายที่จะจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่ต่ำกว่าร้อยละ 40 ของกำไรสุทธิจากงบการเงินเฉพาะกิจการ ภายหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคล และภายหลังการจัดสรรทุนสำรองตามกฎหมาย และข้อบังคับของบริษัทฯ
ทั้งนี้ บริษัทฯ มีเป้าหมายระยะยาวที่จะเป็นผู้นำในการสร้างสรรค์สินค้าลิขสิทธิ์ที่มีนวัตกรรมเพื่อความสำเร็จทางการตลาดของลูกค้าธุรกิจ รวมถึงการเป็นผู้นำในการสร้าง Art Toy ฝีมือศิลปินไทย ไปสู่ตลาดโลก