นางสาวทรรศนีย์ พันธ์ประคุณ ผู้อำนวยการสำนักการคลัง (สนค.) กทม. กล่าวกรณีมีข้อสังเกตถึงการตรวจสอบการปฏิบัติงานนอกเวลาราชการ (โอที) โดยเฉพาะว่า ในการปฏิบัติงานนอกเวลาราชการของข้าราชการและลูกจ้าง กทม. หน่วยงานจะต้องขอตั้งงบประมาณ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายการเบิกจ่ายค่าตอบแทนดังกล่าวและดำเนินการตามข้อบัญญัติ กทม. เรื่อง การจ่ายเงินค่าอาหารทำการนอกเวลา พ.ศ. 2529 โดยหน่วยงานจะจัดทำแผนการปฏิบัติงานนอกเวลา ซึ่งมีการกำหนดวัน เวลา อัตราค่าตอบแทน พร้อมแนบรายชื่อข้าราชการ หรือลูกจ้างที่จะอยู่ปฏิบัติงานนอกเวลาราชการ ซึ่งการจ่ายเงินค่าอาหารทำการนอกเวลา ข้อบัญญัติ กทม. เรื่อง การจ่ายเงินค่าอาหารทำการนอกเวลา พ.ศ. 2529 ข้อ 9 บัญญัติว่า ต้องดำเนินการตามหลักเกณฑ์และอัตราตามระเบียบของกระทรวงการคลัง (ระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกจ่ายเงินตอบแทนการปฏิบัติงานนอกเวลาราชการ พ.ศ. 2550 ข้อ 7)
ทั้งนี้ การปฏิบัติงานนอกเวลา หน่วยงานจะต้องเสนอขออนุมัติให้ข้าราชการ หรือลูกจ้างอยู่ปฏิบัติราชการนอกเวลาราชการปกติ พร้อมขออนุมัติสั่งจ่ายเงินค่าอาหารทำการนอกเวลา ต่อผู้มีอำนาจตามข้อ 8 แห่งข้อบัญญัติ กทม. เรื่อง การจ่ายเงินค่าอาหารทำการนอกเวลา พ.ศ. 2529 สำหรับการควบคุมดูแลการปฏิบัติงานนอกเวลาราชการ โดยปกติแล้วจะต้องมีผู้ที่ปฏิบัติงานนอกเวลาคนใดคนหนึ่งเป็นผู้รับรองควบคุมการทำงานประจำวัน และในหลักฐานการจ่ายเงินค่าตอบแทนจะต้องลงชื่อรับรองว่า ผู้มีรายชื่อในการเบิกค่าตอบแทนมีการปฏิบัติงานนอกเวลาจริง ทั้งนี้ ผู้ที่มีสิทธิเบิกค่าตอบแทนได้จะต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ตามระเบียบกระทรวงการคลัง (ข้อ 7) กำหนด และฝ่ายการคลังจะทำหน้าที่ตรวจสอบความถูกต้อง ก่อนเสนอหัวหน้าหน่วยงานอนุมัติฎีกาเบิกจ่าย
นอกจากนี้ กทม. ได้มีหนังสือกำชับและสั่งการให้ผู้อำนวยการเขตกำกับดูแลหลายฉบับ อาทิ หนังสือสำนักงานตรวจสอบภายใน ที่ กท 0407/1438 ลงวันที่ 21 ก.ย. 65 เรื่อง รายงานสรุปผลการตรวจสอบบัญชีและการเงินของสำนักงานเขต ตามแผนการตรวจสอบประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2565 ระบุว่า "3.1 กำชับให้เจ้าหน้าที่เบิกจ่ายเงินค่าอาหารทำการนอกเวลาราชการโดยถือปฏิบัติตามระเบียบและข้อบัญญัติอย่างเคร่งครัด" และหนังสือ กทม. ที่ 0407/675 ลงวันที่ 23 ก.ย. 62 เรื่อง ซักซ้อมความเข้าใจกรณีการเบิกจ่ายเงินตอบแทนการปฏิบัติงานนอกเวลาราชการ