กรุงเทพฯ--16 พ.ค.--นวลิสซิ่ง
นายรัตนชัย นันทปราโมทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท นวลิสซิ่ง จำกัด(มหาชน) ได้เปิดเผยว่า คณะกรรมการบริษัท ได้อนุมัติงบดุล และผลประกอบการไตรมาสแรก ปี 2551 เพื่อรายงานต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) โดยมีกำไรสุทธิ 6.04 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไร 2.18 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 177 %
เป็นผลจากการเปลี่ยนรูปแบบธุรกิจด้านธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์ของบมจ.นวลิสซิ่งท่ามกลางความกังขาและการจับตามองของคู่แข่งได้สะท้อนภาพให้เห็นถึงความสำเร็จของการเร่งปรับตัวเพื่อต่อสู้กับปัจจัยลบที่โถมเข้าบมจ.นวลิสซิ่งในปีที่ผ่านมาแบบเรียกได้ว่า “หมดอนาคต” นวลิสซิ่งฯสามารถผ่านบททดสอบได้อย่างสำเร็จ ผู้ถือหุ้นแก้มปริไปตามๆกัน สวนกระแสเศรษฐกิจชะลอตัว
การปรับกลยุทธ์ของนวลิสซิ่งฯ ในปีที่ผ่านมา ได้นำการตลาด แนวทาง “บลูโอเชี่ยน”มาใช้เป็นหลักในการต่อสู้ที่สำคัญ “ตามกฎคานดีดฯ เราต้องมั่นคงถึงจะมีพลังขับเคลื่อนได้” นายรัตนชัย กล่าว ในวาระครบรอบ 1 ปีที่ได้เข้ามาร่วมงานกับนวลิสซิ่งฯ มูลค่าหุ้นนวลิสซิ่งฯได้ค่อยๆทะยานให้เห็นอย่างมั่นคง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา หุ้นนวลิสซิ่งฯได้ปรับตัวสูงสุดในรอบ 2 ปี แตะ0.80 บาท หลังจากที่เคยนิ่งอยู่ที่ 0.50-0.60 กว่าร่วมปี ด้วยวอลุ่มสูงสุดในรอบ 5 ปีทีเดียว
“ผมเชื่อว่ามูลค่าหุ้นของนวลิสซิ่ง ฯ จะสูงขึ้นด้วยได้โดยปัจจัยพื้นฐานเท่านั้น และไม่มีเทคนิคใดๆ ที่ทำให้นวลิสซิ่ง ฯ แข็งแกร่งได้ในระยะยาว นอกจากการปรับตัวเอง และสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ให้แตกต่างและมั่นคง” เขาย้ำให้กับผู้ถือหุ้นในที่ประชุมผู้ถือหุ้นประจำปีในเดือน ที่ผ่านมา
นายรัตนชัยฯ กล่าวต่ออีกว่า ทางคณะกรรมการบริหารพอใจในผลประกอบการ แบบค่อยเป็นค่อยไปมากกว่า การก้าวกระโดดระยะสั้น แต่ผลประกอบการไตรมาสนี้ส่วนใหญ่เป็นผลมาจาก ที่นวลิสซิ่ง ฯ ตั้งบริษัทลูกขึ้นมา เพื่อบริหารสินทรัพย์ โดยซื้อรถยึดของบริษัทแม่ให้เอกชนเช่า และอัตราผลตอบแทนของสินเชื่อจำนำทะเบียนรถสูงขึ้น เราเอาจริงเอาจังกับการบริหารสินทรัพย์ โดยไม่เสียเวลานั่งรอการขายอย่างเดียว การด้อยค่าของสินทรัพย์ในธุรกิจเช่าซื้อ มีความละเอียดอ่อนมาก ส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับการบริหารเวลา เพราะ ยิ่งช้ายิ่งขาดทุน เช่น การปล่อยให้NPLเติบโตขึ้น แต่ละวัน ทำให้บริษัทมีภาระต้องตั้งสำรอง, การเก็บรักษารถยึดในโกดังก็เช่นกัน หากปล่อยให้นาน รถก็ตกรุ่น ดูแลไม่ดี สภาพก็จะเสื่อมประมูลได้ราคาต่ำ เราต้องไม่หลงประเด็น
นวลิสซิ่ง ฯ เปิด ธุรกิจบริหารNPL ถีงวันนี้ NPLของนวลิสซิ่งฯ มีอยู่ที่เพียง 2%ขณะที่ทั้งระบบเฉลี่ยอยู่ที่ 4 % ขณะที่บางแห่งเลยไปกว่า 7-8 %แล้ว ใช้วิธีการคุยกับลูกค้า ช่วยกันแก้ปัญหา และประนีประนอมมากที่สุด “นวลิสซิ่งฯ ขอเสนอตัวให้บริการสถาบันการเงินทำงาน บริหารสินทรัพย์ด้อยค่าให้ทั้งด้านการติดตามหนี้ ทวงถามหรือยึดทรัพย์สิน ประมูล เพราะเรามีเต๊นท์รถและตัวแทนทั่วประเทศเพียงพอแบบครบวงจรเลยทีเดียว” ภายใต้ “บริษัทลูกชื่อ บริษัท เบลสซิ่ง แอสเสท เซอร์วิสเซส จำกัด” (BAS) กำลังOperation ของเรามีพอที่จะรับบริหารให้กับไฟแนนซ์พันธมิตร ซึ่งไม่ขัดหรือทับซ้อนทางธุรกิจอย่างแน่นอน ที่ผ่านมาพบว่า ราคารถมือสองแต่ละรุ่น แต่ละประเภท ในแต่ละจังหวัด ราคาไม่เหมือนกัน นวลิสซิ่งฯ สามารถทำราคาให้สูงได้เพราะเราจะเลือกรถที่นิยมส่งขายในแต่ละพื้นที่ให้เหมาะสม ดีกว่ามารวมขายในกรุงเทพฯ ที่เดียวครับ เพราะในที่สุดพ่อค้ารถจากต่างจังหวัดต่างๆ มารับซื้อไปขายทำกำไรอยู่ดี” นายรัตนชัย กล่าวทิ้งท้าย
2-3 ปีที่ผ่านมา หุ้นกลุ่มธุรกิจเช่าซื้อถูกเมินจากนักลงทุน เนื่องจากกระแสการแข่งขันรุนแรง หลังจากธนาคารแห่งประเทศไทยอนุญาตให้ธนาคารพาณิชย์ทำธุรกิจเช่าซื้อได้ คณะกรรมการนวลิสซิ่งฯ ตัดสินใจเปลี่ยนผู้บริหารกลางปีที่แล้ว ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ โดยเชิญนายรัตนชัย นันทปราโมทย์ อดีตผู้บริหารระดับสูงของบริษัท จีอีแคปปิตอล(ประเทศไทย)จำกัด เข้ามาปรับแผนธุรกิจ ในสไตล์มืออาชีพสากล ทำให้นวลิสซิ่งฯไม่หลงเหลือกลิ่นไอ ระบบเครือญาติโดยสิ้นเชิง นวลิสซิ่งฯ ได้เปิดตัวสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ ภายใต้แบรนด์ “NAVA EXPRESS” เลือกเล่นแต่ในพื้นที่ต่างจังหวัด โดยการให้สินเชื่อผ่านตัวแทน เพื่อลดต้นทุนการดำเนินการสาขา ปัจจุบันมีตัวแทนกว่า 150 แห่งแล้ว เพิ่งเปิดที่สาขานครศรีธรรมราช โดยมีแผนเปิดตัวแทนครบ 200 แห่งภายในไตรมาส 2 นี้