บมจ.ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี คอร์เปอเรชั่น (SUPER) ปลื้ม! ทริสเรทติ้ง ประกาศอันดับเครดิตองค์กร (Company Rating) ที่ระดับ "BBB" แนวโน้ม "Stable" หรือ "คงที่" สะท้อนถึงสินทรัพย์ในการผลิตไฟฟ้าของบริษัทฯ ที่มีขนาดใหญ่และมีการกระจายตัวที่ดี สร้างกระแสเงินสดที่มั่นคง ฟาก CEO "จอมทรัพย์ โลจายะ" ระบุ ควักเงินจ่ายคืนหุ้นกู้พร้อมดอกเบี้ยตามกำหนดจำนวน 1,516.374 ล้านบาท ในเดือน ต.ค. 67 ช่วยลดภาระดอกเบี้ย เดินหน้าต่อยอดธุรกิจ รุกขยายการลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนทั้งในและต่างประเทศเพิ่มเติม
นายจอมทรัพย์ โลจายะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (SUPER) เปิดเผยว่า บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด (TRIS) คงอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ "BBB" ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต "Stable" หรือ "คงที่" พร้อมจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันในวงเงินไม่เกิน 2.5 พันล้านบาท อายุไม่เกิน 2 ปีของบริษัทฯ ที่ระดับ "BBB-"ซึ่งจะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ชุดใหม่ไปใช้ชำระหนี้
ทั้งนี้ อันดับเครดิตยังคงสะท้อนถึงจากการที่บริษัทมีสินทรัพย์โรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ และมีการกระจายตัวที่ดี ปัจจุบันบริษัทฯ มีโรงไฟฟ้าที่ดำเนินการแล้วจำนวนมากกว่า 100 แห่งในหลากหลายสถานที่ตั้งโดยมีกำลังการผลิตตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้ารวมทั้งสิ้น 1,371 เมกะวัตต์ การมีโครงการโรงไฟฟ้าจำนวนมากช่วยสร้างความมั่นคงให้แก่กำไรของบริษัทฯ ในภาพรวม อีกทั้งยังช่วยให้บริษัทสามารถลดภาระหนี้สิน
นอกจากนี้ ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทฯ จะมีกำลังการผลิตตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้ารวมของโรงไฟฟ้าที่ดำเนินการแล้วเพิ่มขึ้นเป็น 1,560 เมกะวัตต์ในช่วง 3 ปีข้างหน้า โดยกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่จะมาจากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมที่อยู่ระหว่างการพัฒนาในประเทศเวียดนาม
ขณะเดียวกัน บริษัทฯ มีกระแสเงินสดที่คาดการณ์ได้ในระดับสูง โดยโรงไฟฟ้าที่ดำเนินการแล้วของบริษัทฯ มีผลการดำเนินงานที่น่าพอใจและสร้างกระแสเงินสดที่มั่นคงตลอดในช่วงระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา
"โครงการโรงไฟฟ้า SUPER มีผลการดำเนินงานที่น่าพอใจ สร้างกระแสเงินสดที่มั่นคงตลอดในช่วงระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา โครงการโรงไฟฟ้าในประเทศมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาวกับผู้ผลิตและผู้จ่ายกระแสไฟฟ้าที่เป็นหน่วยงานภาครัฐและมีความน่าเชื่อถือ ซึ่งช่วยให้รายได้มีความมั่นคงในระยะยาว ขณะที่โครงการโรงไฟฟ้าในประเทศเวียดนามของบริษัทนั้นมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าเวียดนาม (Vietnam Electricity -- EVN) ซึ่งเป็นหน่วยงานรัฐเช่นกัน และมีกลยุทธ์การกระจายการลงทุนไปสู่โรงไฟฟ้าประเภทอื่น ๆ เช่น โรงไฟฟ้าพลังงานลมและโรงไฟฟ้าพลังงานขยะอีกด้วย"
ก่อนหน้านี้ บริษัทฯ ได้แจ้ง การชำระคืนหุ้นกู้ที่ออกและเสนอขายหุ้นกู้ครั้งที่ 2/2564 ประเภทมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และไม่สามารถไถ่ถอนหุ้นกู้ก่อนวันครบกำหนดไถ่ถอน อัตราดอกเบี้ยคงที่ 4.90% ต่อปี ชำระดอกเบี้ยทุกๆ 3 เดือน เสนอขายให้แก่ผู้ลงทุนสถาบัน และ/หรือ ผู้ลงทุนรายใหญ่ ซึ่งครบกำหนดไถ่ถอนในวันที่ 21 ตุลาคม 2567 จำนวน 1,500 ล้านบาท โดยชำระคืนพร้อมดอกเบี้ยให้กับผู้ถือหุ้นกู้ทั้งหมดรวมมูลค่าหลังหักภาษี ณที่จ่ายแล้ว 1,516.374 ล้านบาท เรียบร้อยแล้ว ซึ่งสามารถไถ่ถอนได้ตามกำหนด และถือเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความแข็งแกร่งทางการเงินได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้เม็ดเงินที่ได้ถูกนำไปใช้ตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้อย่างถูกต้องและโปร่งใส เพื่อเสริมสร้าง และพัฒนาโครงการต่างๆตามแผนธุรกิจที่วางไว้
ในปี 2567 บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายการเติบโตรายได้ต่อเนื่อง และมีกำลังการผลิตไฟฟ้าในปีนี้รวม 1,656.11 เมกะวัตต์ ขณะเดียวกัน เตรียมความพร้อมขยายโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนในประเทศไทย เพิ่มอีก 300 - 500 เมกะวัตต์ ตามแผนการรับซื้อไฟของ กกพ. ที่คาดว่าจะเปิดรับซื้อไฟภายในปี 2567 และโครงการการขยายงานสัญญาซื้อขายไฟฟ้าภาคเอกชน (Private PPA) โครงการ SPP HYBRID เป็นต้น ซึ่งจะสนับสนุนการเติบโตในอนาคตอย่างแข็งแกร่ง และสร้างผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้นให้กับผู้ถือหุ้นได้อย่างต่อเนื่อง
ปัจจุบันมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) ในมือรวม 2,353.79 เมกะวัตต์ COD แล้ว 1,626.11 เมกะวัตต์ และเพิ่มกำลังการผลิตเชิงพาณิชย์เป็น 2,200 เมกะวัตต์ ในปี 2570