บมจ.ดับบลิวพี เอ็นเนอร์ยี่ (WP) ประเมินแนวโน้มไตรมาส 4/2567 เติบโตต่อเนื่อง หลังมีสัญญาณความต้องการใช้ก๊าซ LPG เพิ่มขึ้น ฟากผู้บริหาร "ชมกมล พุ่มพันธุ์ม่วง" ระบุ มั่นใจปี 67 ยอดขายแตะ 820,000 ตัน ตามเป้าที่วางไว้ พร้อมเดินหน้าลุยขยายจุดกระจายสินค้าครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ
นางสาวชมกมล พุ่มพันธุ์ม่วง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับบลิวพี เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) (WP) ผู้นำการค้าก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ภายใต้แบรนด์ "เวิลด์แก๊ส" เปิดเผยว่า คาดการณ์แนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/2567 จะเติบโตจากช่วงเดียวกันปีก่อน เนื่องจากความต้องใช้ก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ทั้งในและต่างประเทศ รวมทั้งในภาคครัวเรือนและภาคอุตสาหกรรมยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯ มีส่วนแบ่งการตลาดแบรนด์ "เวิล์ดแก๊ส" อยู่อันดับ 2 หรือคิดเป็น 21%
อีกทั้ง บริษัทฯ มีการวางกลยุทธ์ทางด้านการบริหารจัดการต้นทุนให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะด้านการขนส่งที่สามารถควบคุมต้นทุนได้เป็นอย่างดี
"บริษัทฯ มั่นใจว่าปีนี้จะสามารถเติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ได้ โดยตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 820,000 ตัน ขณะที่ปัจจุบันยอดขายรวม 9 เดือน อยู่ที่ 625,000 ตัน แสดงให้เห็นถึงการดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพของบริษัทฯ ที่จะสนับสนุนให้การดำเนินธุรกิจเป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้ และจะสามารถทำสถิติสูงสุดใหม่ได้อย่างต่อเนื่อง " นางสาวชมกมล กล่าว
นอกจากนี้ บริษัทฯ มีแผนขยายจุดกระจายสินค้าภาคครัวเรือนให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศ โดยล่าสุด มีการขยายจุดกระจายสินค้าไปยัง "จังหวัดพิจิตร" เพิ่มขึ้น เพื่อให้สามารถกระจายสินค้าและเข้าถึงลูกค้าได้ครอบคลุมมากขึ้น ทำให้ปัจจุบันมีจุดกระจายสินค้ากว่า 175 แห่งทั่วประเทศ รวมถึงเพิ่มผลิตภัณฑ์ "แก๊สกระป๋อง" ภายใต้แบรนด์ "เวิลด์แก๊ส" เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคในการพกพา สะดวก ปลอดภัย หาซื้อได้ง่าย มีวางจำหน่ายทั่วประเทศรองรับความต้องการของผู้บริโภค และวางกลยุทธ์ทางการตลาดเพื่อสร้างการรับรู้ผ่านทางภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่เผยแพร่ตามสื่อต่างๆ การจัดกิจกรรมออกบูธ เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงแบรนด์ "เวิลด์แก๊ส" ได้อย่างตรงจุด
อนึ่ง ผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 3/2567 ของบริษัทฯ มีรายได้รวม 4,847.12 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.63% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 37.76 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเท่ากับ 51.95 % เทียบงวดเดียวกันของปีก่อน และมี EBITDA อยู่ที่ 161.33 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.34% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 148.90 ล้านบาท