บมจ.พี.เอส.พี. สเปเชียลตี้ส์ (PSP) มั่นใจแนวโน้มผลงานไตรมาส 4/67 โตแรง ยอดขายทั้งในและต่างประเทศเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง สอดรับคาดการณ์ตลาดผลิตภัณฑ์หล่อลื่นในตลาดโลกและประเทศไทยยังปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น ฟากผู้บริหาร "เสกสรร ครองพาณิชย์" ระบุ การลงทุน "รีไซเคิล เอ็นจิเนียริ่ง" ช่วยเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันและต่อยอดธุรกิจสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน เชื่อมั่นรายได้ปีนี้โต 10-15% สร้างสถิติสูงสุดใหม่ ตามนัด โชว์ 9 เดือนปี 67 กำไรสุทธิ 498.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 53.4% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อน และสูงกว่าทั้งปี 66
นายเสกสรร ครองพาณิชย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พี.เอส.พี. สเปเชียลตี้ส์ จำกัด (มหาชน) (PSP) ผู้นำด้านผลิตภัณฑ์หล่อลื่นแบบครบวงจรที่มีประสบการณ์ความเชี่ยวชาญมากว่า 35 ปี ในการพัฒนาและผลิตน้ำมันหล่อลื่น (Lubricant) จาระบี (Grease) และผลิตภัณฑ์พิเศษ (Specialty products) เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 4/2567 คาดว่าจะเติบโตได้ดีกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน และดีกว่าไตรมาส 3/2567 เนื่องจากบริษัทฯ มีปริมาณการขายทั้งในและต่างประเทศเพิ่มขึ้น หลังจากมีการขยายตลาดการส่งออกไปยังประเทศใหม่ๆ และลูกค้าปัจจุบันมีการเพิ่มปริมาณการคำสั่งซื้อทั้งน้ำมันหล่อลื่น จาระบี น้ำมันผสมยาง และน้ำมันหม้อแปลงไฟฟ้ามากขึ้น
นอกจากนี้ ยังได้รับปัจจัยบวกจากตลาดโดยรวมของผลิตภัณฑ์หล่อลื่นที่มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง โดยจากการคาดการณ์ของ Kline ASEAN Market Research ตลาดผลิตภัณฑ์หล่อลื่นในภูมิภาคเอเชียมีแนวโน้มเติบโตเฉลี่ยอยู่ที่ 2.8% ต่อปี ซึ่งในส่วนของประเทศไทยคาดว่าจะมีการเติบโตเพิ่มขึ้นเฉลี่ยอยู่ที่ 1.7% ต่อปี และการเติบโตของความต้องการใช้น้ำมันหล่อลื่นในกลุ่มอุตสาหกรรมและยานยนต์คาดว่าจะเติบโตเฉลี่ยอยู่ที่ราว 2.7% ต่อปี รวมถึงการใช้น้ำมันหล่อลื่นในกลุ่มผลิตภัณฑ์อื่นๆ เช่น จาระบี น้ำมันผสมยาง และน้ำมันหม้อแปลงไฟฟ้า คาดว่าจะเติบโตเฉลี่ยอยู่ที่ 1.2% 2.8% และ 1.0% ตามลำดับ
อีกทั้ง บริษัทฯ ได้ตระหนักและให้ความสำคัญกับการรักษาดูแลสิ่งแวดล้อมเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยได้จัดตั้งคณะทำงานด้านการพัฒนาความยั่งยืน เพื่อเสริมสร้างความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน พร้อมกำหนดกลยุทธ์เป้าหมายและแผนการดำเนินงานทั้งในระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว เพื่อให้มั่นใจว่าการพัฒนาความยั่งยืนจะถูกบูรณาการในทุกภาคส่วนขององค์กร ตลอดจนสามารถดำเนินกิจการในระยะยาวอย่างยั่งยืน โดยเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและสังคมควบคู่ไปกับการกำกับดูแลกิจการที่ดี
ขณะเดียวกันบริษัทฯได้ลงทุนใน บริษัท รีไซเคิล เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด โดยปัจจุบันถือหุ้น 27.78% การเข้าลงทุนในครั้งนี้สอดคล้องกับกลยุทธ์หลักที่มุ่งเน้นการสร้างการเติบโตจากการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายและความร่วมมือภายในกลุ่มบริษัท รวมถึงการแสวงหาโอกาสการลงทุนใหม่ๆ เพื่อการขยายสู่ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน (Sustainable Solutions) โดยเฉพาะธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
โดยบริษัท รีไซเคิล เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด มีศักยภาพในการขยายธุรกิจและเพิ่มฐานลูกค้า รวมถึงพัฒนาเทคโนโลยีรีไซเคิลใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะมีส่วนช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับผลการดำเนินงานของบริษัทฯ อีกทั้งยังเป็นการแลกเปลี่ยนความรู้ ความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน สร้างการเติบโตในอนาคต ซึ่งในไตรมาส 3/2567 รับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัท รีไซเคิลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด จำนวน 4.71 ล้านบาท
"แนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/2567 คาดว่าจะเติบโตต่อเนื่อง หลังได้รับคำสั่งซื้อทั้งในและต่างประเทศเพิ่มมากขึ้นในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ และการเข้าลงทุนในบริษัท รีไซเคิล เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน สร้างการเติบโตของรายได้ในอนาคต หนุนรายได้ปี 2567 เติบโต 10-15% สร้างสถิติสูงสุดใหม่ ตามเป้าหมายที่วางไว้"
นายโชติธนินท์ เต็มศิริพงศ์ ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์องค์กรและนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท พี.เอส.พี. สเปเชียลตี้ส์ จำกัด (มหาชน) (PSP) กล่าวว่า ผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนปี 2567 บริษัทฯ มีรายได้รวม 10,276.73 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.79% เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 9,192.80 ล้านบาท เป็นผลมาจากรายได้จากการขายเพิ่มขึ้น หลังปริมาณการขายและราคาขายเฉลี่ยเพิ่มขึ้น และมีกำไรสุทธิ 498.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 53.4% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 324.7 ล้านบาท และสูงกว่าทั้งปี 2566 มีกำไรสุทธิ 427.54 ล้านบาท
"งวด 9 เดือนปี 2567 ผลการดำเนินงานเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ได้รับปัจจัยหนุนจากยอดขายทั้งในและต่างประเทศเพิ่มขึ้น รวมถึงการบริหารจัดการต้นทุนและค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ ขณะที่ภาระดอกเบี้ยลดลง และผลการดำเนินงานของบริษัทย่อยและบริษัทร่วม ทั้งบริษัท รีไซเคิล เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด และบริษัท จีเนียส เจเนติกส์ จำกัด มีการเติบโตขึ้นซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้" นายโชติธนินท์ กล่าวในที่สุด