โฟตอน มอเตอร์ (Beiqi Foton) จับมือ คัมมินส์ (Cummins) แบรนด์เครื่องยนต์ดีเซลชั้นนำของโลก ขยายตลาด จัดตั้ง "บริษัท โฟตอน คัมมินส์ เอ็นจิ้น (ประเทศไทย) จำกัด" (Foton Cummins Engine (Thailand) Co., Ltd.) ณ นิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร ชลบุรี เพื่อเป็นโรงงานผลิตเครื่องยนต์สำหรับรถเพื่อการพาณิชย์ "โฟตอน" ด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง เพื่อกระบวนการผลิตที่มีคาร์บอนต่ำ ปกป้องสิ่งแวดล้อม พร้อมส่งมอบเครื่องยนต์ Foton Cummins ลำดับที่ 600,000 สำหรับส่งออก โดยใช้ไลน์การผลิตในโรงงานดังกล่าว นับเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของ "โฟตอน คัมมินส์" ในตลาดต่างประเทศ สะท้อนความสัมพันธ์ไทย-จีนอันแน่นแฟ้น และศักยภาพด้านอุตสาหกรรมการผลิตของจีน พร้อมส่งเสริมการถ่ายทอดเทคโนโลยีและพัฒนาฝีมือแรงงานไทย ทั้งนี้ ได้มีการส่งมอบเครื่องยนต์ล็อตแรกจาก โฟตอน คัมมินส์ ประเทศไทย ให้กับ โฟตอน ซีพี (Foton CP) ในพิธีเปิดโรงงานดังกล่าวอีกด้วย
นายเฉิน เจี้ยน ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ปักกิ่ง โฟตอน คัมมินส์ เอ็นจิ้น จำกัด เผยว่า "โฟตอน คัมมินส์ เอ็นจิ้น (ประเทศไทย) เป็นหนึ่งในผลลัพธ์อันมีประสิทธิผลจากความร่วมมือระหว่าง "โฟตอน มอเตอร์ กรุ๊ป" และ "คัมมินส์" ที่ยาวนานถึง 17 ปี เพื่อวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยียานยนต์และเครื่องยนต์ชั้นนำ โดยใช้เทคโนโลยีการผลิตอัจฉริยะระดับโลกที่เรียกว่า "The Lighthouse Factory" ตามแบบของโรงงานโฟตอน คัมมินส์ ที่กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างสูงในการส่งมอบโซลูชันด้านพลังงานที่มีประสิทธิภาพและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมให้กับผู้ผลิตยานยนต์กว่า 100 ประเทศทั่วโลก โดยเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนกลยุทธ์การขยายธุรกิจไปทั่วโลกของ โฟตอน มอเตอร์ กรุ๊ป ที่เริ่มการส่งออกรถ "โฟตอน" ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2547 จนถึงปัจจุบันรวมแล้วกว่า 130 ประเทศ และครองอันดับหนึ่งของการส่งออกรถยนต์เชิงพาณิชย์ของจีนเป็นเวลา 14 ปีติดต่อกัน ด้วยคุณภาพดีเยี่ยมและบริการที่เชื่อถือได้ ทำให้ โฟตอน มอเตอร์ ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางจากลูกค้าทั่วโลก"
โรงงาน โฟตอน คัมมินส์ เอ็นจิ้น (ประเทศไทย) ตั้งอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร จังหวัดชลบุรี เริ่มก่อสร้างในปี พ.ศ. 2566 และเสร็จสมบูรณ์พร้อมเปิดดำเนินการภายในเวลาเพียง 1 ปี ใช้เทคโนโลยีและอุปกรณ์ป้องกันสิ่งแวดล้อมขั้นสูงเพื่อให้กระบวนการผลิตคาร์บอนต่ำ ใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ และช่วยปกป้องสิ่งแวดล้อม ในฐานะที่เป็นตัวแทนของ Made in China ในต่างประเทศ จะช่วยสนับสนุนการดำเนินงานด้านการผลิตของ โฟตอน มอเตอร์ ด้วยความรับผิดชอบต่อสังคมอย่างแข็งขัน เพื่อสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนของประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการปกป้องสิ่งแวดล้อมและส่งเสริมการจ้างงาน
นายเจสัน หวัง รองประธานและผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายธุรกิจเครื่องยนต์คัมมินส์ในประเทศจีน กล่าวว่า จากความร่วมมือดังกล่าว ทำให้ โฟตอน คัมมินส์ สามารถทำตลาดทั้งในประเทศจีนและตลาดต่างประเทศได้เป็นอย่างดีตลอดมา อีกทั้งปริมาณการส่งออกเครื่องยนต์ทั่วโลกต่างเพิ่มสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ ดังนั้นการเปิดตัวสายการผลิตเครื่องยนต์ Foton Cummins ลำดับเครื่องที่ 600,000 ในพิธีฉลองการเปิดโรงงาน "โฟตอน คัมมินส์ เอ็นจิ้น" ในประเทศไทย จึงไม่เพียงตอกย้ำความสามารถในการแข่งขันของ โฟตอน คัมมินส์ ในตลาดโลกเท่านั้น แต่ยังเป็นข้อพิสูจน์ที่ชัดเจนถึงความสำเร็จอันโดดเด่นในด้านนวัตกรรมเทคโนโลยีอีกด้วย
"เครื่องยนต์ Foton Cummins เป็นผลิตภัณฑ์ดาวเด่นของโลก ได้รับความไว้วางใจและการสนับสนุนจากผู้ใช้มากกว่า 2.6 ล้านคนทั่วโลก ทั้งนี้ ไม่เพียงแต่บรรลุด้านคุณภาพผลิตภัณฑ์และเทคนิคชั้นนำในระดับนานาชาติเท่านั้น แต่ยังเป็นผู้นำสูงสุดของเครื่องยนต์ในโลกด้านความน่าเชื่อถือ ประหยัดเชื้อเพลิง ปล่อยมลพิษต่ำ ประสิทธิภาพแข็งแกร่ง บำรุงรักษาง่าย เสียงรบกวนน้อย และปกป้องสิ่งแวดล้อม โดยได้แสดงให้เห็นถึงความได้เปรียบที่เป็นเอกลักษณ์ของบริษัทจีนในแง่ของระดับการบริการลูกค้า และความรวดเร็วในการตอบสนองตลาด" นายเจสัน หวัง กล่าวย้ำ
นางสาวเจนจิรา แย้มยิ้ม กรรมการผู้จัดการ บริษัท อมตะ ซัมมิท เรดดี้ บิลท์ จำกัด ในฐานะผู้แทนจากการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า "โรงงานโฟตอน คัมมินส์ เอ็นจิ้น ในประเทศไทยจะช่วยยกระดับอุตสาหกรรมยานยนต์ในพื้นที่ ทั้งในด้านการสร้างบุคลากรที่มีความสามารถทางเทคนิคคุณภาพสูง การแลกเปลี่ยนทางเทคนิคและการฝึกอบรม รวมทั้งเป็นสะพานเชื่อมระหว่างจีนกับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการแลกเปลี่ยนในภูมิภาค"
การก่อตั้งโรงงาน โฟตอน คัมมินส์ เอ็นจิ้น ในประเทศไทย นับเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นระหว่างจีนและไทยในหลายด้าน ตั้งแต่การท่องเที่ยว การผลิต ไปจนถึงการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมและเศรษฐกิจ และได้กลายเป็นความสำเร็จอีกหนึ่งเรื่อง ภายใต้โครงการ "การริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง" หรือ "One Belt, One Road Initiative" ของจีน ซึ่งนอกจากจะเป็นประโยชน์ร่วมกันต่อทั้งสองฝ่ายแล้ว ยังช่วยเติมพลังใหม่ให้กับการบูรณาการทางเศรษฐกิจในภูมิภาคและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกอีกด้วย