บริษัท Mercer ผู้นำระดับโลกด้านการปรับเปลี่ยนแนวคิดการทำงาน การปรับรูปแบบผลลัพธ์การเกษียณและการลงทุน รวมถึงการส่งเสริมสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี และเป็นธุรกิจในเครือของ Marsh McLennan (NYSE: MMC) เผยว่าอัตราเงินเดือนเฉลี่ยของพนักงานในประเทศไทยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น 5.0% ใน พ.ศ. 2568 ซึ่งเทียบเท่า กับปี พ.ศ. 2567
การสำรวจค่าตอบแทนรวมประจำปี 2567 ของ Mercer ได้วิเคราะห์แนวโน้มและนโยบายค่าตอบแทนจากตำแหน่งงานกว่า 5,000 ตำแหน่งในบริษัทมากกว่า 700 แห่งในประเทศไทย ซึ่งแสดงให้เห็นว่าแม้อัตราการเพิ่มขึ้นของเงินเดือนจะยังคงอยู่ในอัตราเดียวกันกับกับ พ.ศ. 2567 แต่ทุกบริษัทที่เข้าร่วมการสำรวจ (100%) มีแผนที่จะปรับเพิ่มเงินเดือนในปี พ.ศ. 2568 เมื่อเทียบกับจำนวนบริษัท 99.8% ในปี 2567
ปัจจัยหลักที่มีผลต่อการปรับขึ้นเงินเดือนใน พ.ศ. 2568 ได้แก่ ผลการปฏิบัติงานของพนักงาน กระบอกเงินเดือน ผลการดำเนินงานขององค์กร และความสามารถในการแข่งขันขององค์กรในตลาดแรงงาน
ปัจจุบัน เกือบ 91.0% ขององค์กรที่ทำการสำรวจมีการใช้แผนจูงใจระยะสั้น อย่าง โบนัส และมีบริษัทที่เสนอแผนจูงใจระยะยาว เช่น สิทธิซื้อหุ้นล่วงหน้า (stock options) เพิ่มขึ้น 1.8% จาก 78.9% ในปี 2566 เป็น 80.7% ในปี 2567
- อุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภคให้ความสำคัญกับฐานเงินเดือน ซึ่งคิดเป็น 75% ของแพ็คเกจค่าตอบแทนทั้งหมดในอุตสาหกรรม และอุตสาหกรรมยานยนต์มีสัดส่วนแผนจูงใจระยะสั้นสูงที่สุด คิดเป็น 23% ของแพ็คเกจค่าตอบแทนทั้งหมดในอุตสาหกรรมนี้
- อุตสาหกรรมวิทยาศาสตร์ชีวภาพ (Life Sciences) ยังคงเป็นอุตสาหกรรมที่ให้ค่าตอบแทนสูงที่สุดในประเทศไทย โดยสูงกว่าตลาดโดยเฉลี่ย 20% ด้านมุมมองของเงินเดือนรายปี (annual base salaries)
- แม้การใช้โครงการสวัสดิการแบบยืดหยุ่น (Flexible Benefit)จะพบมากในระดับสากล แต่ในประเทศไทยยังคงมีการนำมาใช้ไม่มากนัก โดยมีเพียงไม่ถึงหนึ่งในสี่จากบริษัทที่สำรวจที่เสนอสิทธิประโยชน์เหล่านี้ให้กับพนักงาน
คุณธีระ เหล่าลัทธพล ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารจัดการและวิเคราะห์ข้อมูลของ Mercer ประเทศไทย กล่าวว่า "การเพิ่มขึ้นของเงินเดือนเฉลี่ย 5.0% ในปี 2568 สะท้อนถึงความมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องขององค์กรในประเทศไทยในการลงทุนกับบุคลากร และด้วยจำนวนของบริษัททั้งหมดที่เข้าร่วมการสำรวจมีแผนการปรับเพิ่มเงินเดือน แสดงให้เห็นถึงตลาดแรงงานที่มีการแข่งขันสูงในประเทศไทย"
"ในสภาพแวดล้อมเช่นนี้ การนำแนวทางแบบองค์รวมในการจัดการค่าตอบแทนทั้งหมดมาใช้สำคัญสำหรับผู้บริหารฝ่ายทรัพยากรบุคคลเป็นอย่างมาก ซึ่งรวมถึงการปรับเงินเดือน การเสนอแผนจูงใจระยะสั้นและระยะยาว พร้อมทั้งตอบสนองต่อความต้องการที่มีการเปลี่ยนแปลงของพนักงาน องค์กรที่สามารถปรับตัวต่อความคาดหวังที่เปลี่ยนแปลงได้อย่างมีประสิทธิภาพ จะสามารถดึงดูดและรักษาบุคลากรชั้นนำได้ในสภาพแวดล้อมที่ซับซ้อนมากขึ้นได้"