สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 12 จังหวัดสงขลา (สคร.12 สงขลา) เตือนประชาชนในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่าง หลังน้ำลด ระวังป่วยด้วยโรคเลปโตสไปโรสิส โรคเมลิออยโดสิส และโรคไข้เลือดออก เสี่ยงอันตรายต่อชีวิต
นายแพทย์เฉลิมพล โอสถพรมมา ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 12 จังหวัดสงขลา กล่าวว่า สถานการณ์น้ำท่วมหลายพื้นที่เข้าสู่ภาวะปกติ ซึ่งจากสถานการณ์น้ำท่วม ทำให้ในหลายพื้นที่อาจมีสิ่งแวดล้อมที่ไม่ถูกสุขลักษณะ มีน้ำขังในภาชนะ วัสดุ อุปกรณ์ต่างๆ หรือมีการจัดการขยะที่ไม่เหมาะสม อาจเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรค หรือเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย จึงขอให้ประชาชนระวังป่วยด้วยโรค โรคเลปสโตไปโรสิส โรคเมลิออยโดสิส และโรคไข้เลือดออก
โรคเลปโตสไปโรสิส (Leptospirosis) หรือโรคไข้ฉี่หนู มักพบผู้ป่วยในช่วงหลังน้ำลด 1-2 สัปดาห์ ซึ่งเชื้อโรคนี้มักปนเปื้อนมากับน้ำ หากประชาชนเดินลุยน้ำ ย่ำดินโคลน ด้วยเท้าเปล่า อาจทำให้เชื้อเข้าสู่ร่างกายได้ โดยหลังจากได้รับเชื้อประมาณ 1-2 สัปดาห์ ผู้ป่วยจะเริ่ม มีไข้ ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตัว ปวดกล้ามเนื้อโดยเฉพาะ ที่น่องหรือโคนขา ต่อมาอาจมีตาแดง ตัวเหลือง ตาเหลือง ปัสสาวะออกน้อย ไอเป็นเลือด หากไม่ได้รับการรักษาหรือเข้ารับการรักษาล่าช้าจะทำให้เกิดอาการรุนแรงและเสียชีวิตได้
โรคเมลิออยโดสิส (Melioidosis) พบเชื้อในดิน ฝุ่นดิน และแหล่งน้ำตามธรรมชาติ สามารถติดเชื้อผ่านทางเยื่อบุผิวหนังหรือบาดแผลจากการสัมผัสดินและน้ำเป็นเวลานาน การดื่มน้ำจากแหล่งน้ำที่ไม่สะอาด หรือการหายใจเอาละอองของเชื้อที่ปนเปื้อนในดินเข้าไป และอาจติดเชื้อจากสัตว์ได้จากการสัมผัสสารคัดหลั่งหรือรับประทานเนื้อ หรือนมจากสัตว์ที่เป็นโรค ทั้งนี้ หากมีไข้สูง เป็นเวลานานเกิน 3 วัน หรือเกิดแผลฝีหนองตามร่างกาย ไม่ควรซื้อยารับประทานเอง ให้รีบไปพบแพทย์พร้อมแจ้งประวัติเสี่ยง
ทั้งสองโรคดังกล่าว สามารถป้องกันได้ ดังนี้ 1.หลีกเลี่ยงการแช่น้ำเป็น เวลานาน หรือเดินลุยน้ำย่ำโคลนด้วยเท้าเปล่า หากจำเป็นต้องเดินลุยน้ำควรสวมรองเท้าบูท กรณีมีบาดแผลควรปิดด้วยพลาสเตอร์กันน้ำ และรีบทำความสะอาดร่างกายทันทีหลังจากลุยน้ำ 2.ล้างมือล้างเท้าด้วยน้ำและสบู่บ่อยๆ 3.ดื่มน้ำที่สะอาดและรับประทานอาหารที่สะอาดปรุงสุกใหม่ อาหารที่ค้างมื้อควรอุ่นให้เดือดก่อนนำมารับประทาน 4.ดูแลทำความสะอาดที่พักให้สะอาด 5.หากมีไข้สูง ร่วมกับปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อที่น่อง หลังจากสัมผัสพื้นที่น้ำขัง หรือดินที่มีโอกาสปนเปื้อนปัสสาวะหนู วัว ควาย หมู สุนัข และแพะ ห้ามซื้อยามารับประทานเอง ให้รีบไปพบแพทย์และแจ้งประวัติเสี่ยงให้ทราบ เพื่อพิจารณาการรักษาได้อย่างถูกต้อง
สำหรับโรคไข้เลือดออก พบผู้ติดเชื้อมากในช่วงหน้าฝน และโดยเฉพาะหลังน้ำลด ซึ่งอาจมีน้ำขังตามภาชนะต่างๆ เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย ขอให้ประชาชนกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย ปรับปรุง สิ่งแวดล้อมให้ปลอดโปร่ง สะอาด ไม่ให้เป็นที่เกาะพักของยุง และป้องกันตนเองไม่ให้ถูกยุงกัด โดยการทายากันยุงหรือนอนในมุ้ง หากประชาชนมีอาการไข้สูงร่วมกับอาการปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ ปวดกระบอกตา หรือมีจุดเลือดออกที่ลำตัว และแขน ขาเป็นต้น ให้รีบไปพบแพทย์ ไม่ควรซื้อยามารับประทานเอง เช่น ยาลดไข้ในกลุ่มเอ็นเสด (NSAIDs) (ไอบูโพรเฟน ไดโครฟีแนก และแอสไพริน) รวมถึงยาชุด ซึ่งมีผลทำให้เลือดออกในช่องทางเดินอาหารและยากต่อการรักษา เสี่ยงต่อการเสียชีวิต
สำหรับโรคไข้เลือดออก ป้องกันด้วย "3 เก็บ ป้องกัน 3 โรค" ดังนี้ 1.เก็บบ้าน ให้สะอาด 2.เก็บขยะที่อยู่บริเวณรอบบ้าน และ 3.เก็บน้ำ ปิดฝาให้มิดชิด ไม่ให้เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของยุงลาย ป้องกันไม่ให้ยุงลายวางไข่ ซึ่งสามารถป้องกันได้ทั้ง 3 โรค (โรคไข้เลือดออก, โรคไข้ปวดข้อยุงลาย และโรคติดเชื้อไวรัสซิกา) หากมีข้อสงสัย สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422