นาย โยธิน ดำเนินชาญวนิชย์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เนชั่นแนล เพาเวอร์ ซัพพลาย จำกัด (มหาชน) หรือ "NPS" เผยผลการดำเนินงานด้านการตลาดได้ผลดีกว่าเป้าหมายที่วางไว้ โดยในช่วง 3 ไตรมาสแรกของปี 2567 มีลูกค้าอุตสาหกรรมเข้ามาตั้งโรงงานผลิตสินค้าในสวนอุตสาหกรรม 304 เพิ่มขึ้น 11 ราย ใช้เงินลงทุนสร้างโรงงานรวมประมาณ 100,000 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทฯ มียอดรวมลูกค้าอุตสาหกรรมทั้งหมด ณ สิ้นไตรมาส 3/2567 จำนวน 140 ราย ที่มีความต้องการใช้ไฟฟ้าทั้งสิ้น 326 MW และเมื่อโรงงานของลูกค้าอุตสาหกรรมทั้งหมดเดินเครื่องเต็มกำลังการผลิตตามที่วางแผนไว้ จะทำให้ความต้องการใช้ไฟฟ้าจาก NPS เพิ่มขึ้นเป็น 687 MW ภายในปี 2570 ซึ่งจะสูงกว่ากำลังผลิตสุทธิของโรงไฟฟ้าที่มีอยู่ในปัจจุบัน ดังนั้น บริษัทฯ จึงเร่งดำเนินการโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวล (NPP 12) กำลังผลิต 115 MW แทนโรงไฟฟ้า 6 และ 11 ที่มีกำลังผลิตรวม 70 MW โรงไฟฟ้า NPP12 จะใช้ยางไม้จากการผลิตเยื่อกระดาษของ Double A ที่เคยส่งให้โรงไฟฟ้า 6 และ 11 จำนวน 3,300 ตันแห้งต่อวัน เป็นเชื้อเพลิงและด้วยเทคโนโลยีทันสมัยและมีประสิทธิภาพสูงกว่า จะทำให้โรงไฟฟ้า NPP12 ผลิตกระแสไฟฟ้าได้มากกว่าโรงไฟฟ้า 6 และ 11 ประมาณ 45 MW โดยจะเริ่มก่อสร้างประมาณกลางปี 2568 และเมื่อโครงการนี้แล้วเสร็จในปี 2570 จะทำให้ NPS มีกำลังผลิตไฟฟ้า (ไม่รวมการผลิตจากโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนทุ่นลอยน้ำ หรือ Floating Solar Farm) เพิ่มขึ้นจากปัจจุบัน 700 MW เป็น 745 MW หลังจากนั้น บริษัทฯ ยังมีแผนจะปรับเปลี่ยนโรงไฟฟ้า 6 และ 11 ให้สามารถใช้ไม้สับเป็นเชื้อเพลิงแทนยางไม้ ภายในปี 2572 ซึ่งจะทำให้กำลังผลิตไฟฟ้ารวมเพิ่มขึ้นเป็น 815 MW
ส่วนโครงการติดตั้ง Floating Solar Farm ระยะที่ 2 ก็แล้วเสร็จเพิ่มขึ้นอีก 30 MW ตามแผนที่วางไว้ทำให้บริษัทฯ สามารถจ่ายไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์เข้าระบบเพื่อจำหน่ายเชิงพาณิชย์รวม 90 MW ในไตรมาส 3/2567 ส่วนที่เหลืออีก 67 MW คาดว่าจะแล้วเสร็จพร้อมจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ได้ภายในไตรมาส 2/2568 และจะทำให้ NPS มีกำลังการผลิตไฟฟ้าจาก Floating Solar Farm ทั้งหมด 157 MW
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังเดินหน้าเต็มที่ โครงการ Green Logistics ที่นำรถบรรทุกไฟฟ้า (EV) มาใช้ขนส่งเชื้อเพลิงแทนการใช้รถบรรทุกเครื่องยนต์ดีเซลและ NGV เดิม โดยปัจจุบันมีรถบรรทุก EV เริ่มใช้งานแล้ว 215 คัน และมีเป้าหมายจะเพิ่มเป็น 500 คัน พร้อมกับติดตั้งสถานีสับเปลี่ยนและสถานีชาร์ตแบตเตอร์รี่ ตามจุดต่าง ๆ ระหว่างทางที่กำหนดรวม 8 แห่ง ภายในปี 2570 ทั้งนี้รถบรรทุก EV ทั้งหมดจะใช้ไฟฟ้าที่ผลิตจาก Floating Solar Farm ของบริษัทฯ เป็นหลัก ซึ่งจะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการขนส่งเชื้อเพลิงได้กว่า 50%
การดำเนินโครงการ Floating Solar Farm และ โครงการ Green Logistics ของบริษัทฯ อย่างจริงจังจะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก หรือ Green Houses Gas ได้อย่างยั่งยืนและสะท้อนให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ของ NPS ที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนนโยบาย Net Zero Emission ของประเทศให้บรรลุเป้าหมาย ควบคู่ไปกับการให้ความสำคัญในการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยครอบคลุมทั้งด้านสิ่งแวดล้อม (Environment) สังคม (Social) และการกำกับดูแลกิจการที่ดี (Governance) หรือ ESG ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่ายอย่างแท้จริง