"บมจ.เอเชียน มารีน เซอร์วิสส์ หรือ ASIMAR" ส่งซิกแนวโน้มธุรกิจไตรมาส 4/67 ผลงานเติบโตโดดเด่น จากการทยอยรับรู้รายได้งานต่อเรือปฏิบัติการอุทกศาสตร์ของกองทัพเรือ ซึ่งมีความคืบหน้าของโครงการสูงในไตรมาส 4 ปีนี้ และการฟื้นตัวของดีมานด์งานซ่อมเรือ หนุนรายได้โต 50% ตามแผน "สุรเดช ตัณฑ์ไพบูลย์" แม่ทัพใหญ่ กางแผนปี 2568 ปีทองของ ASIMAR เผยปีหน้ามี Backlog ค้างอยู่ที่ราว 400 ลบ. แถมมีโอกาสได้งานโครงการใหญ่ที่มีศักยภาพสูง เข้ามาเสริมแกร่งรายได้และกำไรให้กับบริษัท
นายสุรเดช ตัณฑ์ไพบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอเชียน มารีน เซอร์วิสส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ASIMAR เปิดเผยว่าแนวโน้มธุรกิจของบริษัทในช่วงไตรมาส 4/2567 ช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้ คาดว่ามีการเติบโตที่ดีต่อเนื่องจากไตรมาส 3 ที่ผ่านมา สนับสนุนเป้าหมายรายได้เติบโตที่ 50% จากปีก่อนได้ตามแผน เนื่องจากการประเมินทิศทางธุรกิจต่อเรือ ซ่อมเรือ ดีมานด์ในตลาดสูง จากการขยายตัวของธุรกิจขนส่งระหว่างประเทศ และการท่องเที่ยวมีแนวโน้มเติบโตที่ดี รวมทั้งยังมีงานในมือที่รอรับรู้รายได้ (Backlog) โครงการต่อเรือในมืออีกราว 718 ล้านบาท
สำหรับแผนในปี 2568 บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้เติบโต 10% โดยมีแผนเข้าประมูลงานต่อเรือโครงการใหม่ๆในช่วงไตรมาสที่ 1 และไตรมาสที่ 2 โดยมีโครงการที่คาดว่าจะได้ประมาณ 100 ล้านบาท และคาดว่าจะมีงานประมูลเพิ่มเติมคาดว่าจะได้ข้อสรุปในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2568 อีก 300-400 ล้านบาท นับเป็นโครงการที่มีศักยภาพที่ ASIMAR คาดว่าจะได้งานเพิ่มเข้ามาเสริมแกร่งรายได้ให้กับบริษัท
ปัจจุบัน ASIMAR มีอู่ลอยจำนวน 2 อู่ มีศักยภาพในการรองรับการซ่อมเรือต่อเดือนประมาณ 5 ลำ หรือประมาณ 70-80 ลำต่อปี ซึ่งขึ้นอยู่กับประเภทเรือ ระยะเวลาในการทำงาน ปริมาณงาน อย่างไรก็ดี ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาในการลงทุนซื้ออู่ลอย 3 ซึ่งต้องดูขนาดพื้นที่ความเหมาะสม ขนาดของกลุ่มเรือ และเตรียมเงินในการลงทุนและพิจารณาดูความเหมาะสมในอนาคต
"ปีหน้าเรามี Backlog ค้างอยู่ที่ราว 400 ล้านบาท และมีแผนในการเข้าประมูลงานใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทมีความพยายามที่จะทำ GP ให้ได้ที่ระดับ 10% ซึ่งต้องมีการบริหารต้นทุนที่ดี เนื่องจากบริษัทเรามีการใช้กำลังคนเป็นหลัก ใช้กำลังคน ใช้ผู้เชี่ยวชาญเป็นหลัก ดังนั้นต้นทุนเรื่องคนจะค่อนข้างสูง ส่วนค่าใช้จ่ายในการบริหารตอนนี้อยู่ในช่วงของการลด พยายามบริหารให้น้อยที่สุด รวมทั้งในปีนี้เรามีความคืบหน้าของงานเรือต่อมาเติมในช่วงไตรมาส 4/2567 และปีหน้า รวมทั้งการประมูลงานใหม่ๆ เข้ามาเติมในช่วงครึ่งปีหลัง และมีข่าวว่ากองทัพเรือ มีนโยบายต่อเรือสนับสนุนนโยบายของประเทศ เรือฟริเกต (Frigate) ซึ่งเป็นเรือรบบนน้ำ" นายสุรเดช กล่าว
โดยโครงการของกองทัพเรือมีแผนที่จะของบประมาณ 38,000 ล้านบาท สำหรับเรือฟริเกต 2 ลำ และจะมีนโยบายออฟเซ็ท จะต้องมีอู่ต่อเรือในประเทศที่มีศักยภาพเข้าร่วมทำต่อเรือลำนี้ด้วย ซึ่งจะได้เรื่องของการจ้างงานในประเทศ เรื่องการทรานส์ฟอร์มเทคโนโลยี เพิ่มการพึ่งพาตนเองของประเทศไทย เป็นการพัฒนาอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ สนับสนุนอู่เรือไทย ในส่วนของ ASIMAR เอง คาดว่าจะมีส่วนร่วมของโครงการนี้ด้วย ซึ่งจะสนับสนุนรายได้และกำไรของบริษัทให้เติบโตขึ้น ซึ่งโครงการดังกล่าวนี้จะอยู่ในปีงบประมาณ 2569