แสนสิริโชว์ยอดขายไตรมาส 3 สุดฮ็อต ทะลุ 2 พันล้านบาท พร้อมขยายเวลา“Siri Safety” สินเชื่อดอกเบี้ยคงที่ 5.75% ถึงสิ้นปี 48

ข่าวทั่วไป Wednesday August 31, 2005 13:56 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--31 ส.ค.--แสนสิริ
แสนสิริ ประสบความสำเร็จอย่างสูงจากการขายโครงการที่อยู่อาศัยไตรมาส 3 โชว์ยอดขายทุกโครงการพุ่งสูงสุดในรอบปี ทั้งบ้านเดี่ยว คอนโดมิเนียมและทาวน์เฮ้าส์ เพียง 2 เดือน ขายไปเกือบ 300 ยูนิต ยอดรวมทะลุ 2,000 ล้านบาท คาดเป้าหมายยอดขายรวมเกิน 10,000 ล้านบาทแน่นอน ล่าสุดขยายเวลาแพกเกจทางการเงิน “Siri Safety” ไปจนถึงสิ้นปี 48 เพราะสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยคงที่ 3.75% ใน 2 ปีแรกและปีที่สามเป็นต้นไป 5.75% นานถึง 25 ปี ตรงใจกลุ่มลูกค้าระดับกลาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาวะดอกเบี้ย-น้ำมันผันผวน
นายเศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ตั้งแต่กลางปีที่ผ่านมาถึงปัจจุบัน บริษัทฯ มียอดขายโครงการที่อยู่อาศัยรวมทั้งหมดเกือบ 30 โครงการ ทั้งโครงการบ้านเดี่ยวระดับพรีเมี่ยมไปจนถึงโครงการบ้านเดี่ยวระดับราคา 3-8 ล้านบาท ที่บริษัทฯ ได้มีการเปิดตัวโครงการใหม่อีก 2 โครงการ ได้แก่ โครงการสราญสิริ รามอินทรา โครงการเศรษฐสิริ วงแหวน-สุขาภิบาล 2 รวมถึงโครงการคอนโดมิเนียมและทาวน์เฮ้าส์ ที่บริษัทพลัส พร็อพเพอร์ตี้ พาร์ทเนอร์ จำกัด ที่เป็นบริษัทในเครือนั้น เพียง 2 เดือน มียอดขายรวมเกือบ 300 ยูนิต หรือคิดเป็นมูลค่าการขายรวมกว่า 2,000 ล้านบาท นับได้ว่าเป็นยอดขายที่สูงที่สุดในรอบปี 2548 ทั้งนี้เชื่อมั่นว่าเป็นผลมาจากการที่บริษัทฯ มีการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยตอบรับความต้องการของผู้บริโภค รวมถึงลูกค้ามีการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยมากขึ้นในช่วงที่ผ่านมา
“ยอดการขายโครงการที่อยู่อาศัยในกลุ่มบริษัทแสนสิริ ในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี 2548 นั้น ค่อนข้างน่าตื่นเต้นมาก เพราะมียอดขายเฉลี่ยทุกโครงการ 30-40 ล้านบาทต่อวัน เพียง 2 เดือนสามารถทำยอดขายไปแล้วกว่า 2,000 ล้านบาท ซึ่งเชื่อมั่นมากว่ายอดขายในช่วงไตรมาสที่ 3 นี้น่าจะทำได้เกือบ 3,000 ล้านบาท หรืออาจจะมากกว่านั้น ยิ่งทำให้มั่นใจยิ่งขึ้นว่า รายได้ของแสนสิริในปี 2548 นี้ น่าจะทำได้เกิน 10,000 ล้านบาทอย่างแน่นอน ซึ่งเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ตั้งแต่ต้นปี โดยยอดรายได้ในระดับนี้ น่าจะสูงเป็นอันดับที่ 2 ของผู้นำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของประเทศเลยก็ว่าได้” นายเศรษฐา กล่าว
นายเศรษฐา กล่าวต่อไปว่า ปัจจัยสำคัญที่จะสนับสนุนการขายในช่วงครึ่งปีหลังนั้น ขึ้นอยู่กับความเชื่อมั่นของลูกค้า ตั้งแต่เรื่องคุณภาพของผลิตภัณฑ์ รวมถึงความมั่นคงและความเป็นมืออาชีพของผู้ประกอบการ ส่วนปัจจัยด้านเศรษฐกิจ อาทิ ราคาน้ำมันและดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มสูงขึ้นนั้น มีผลทั้งในเชิงบวกและลบ ในแง่ดีก็จะเป็นการเร่งการตัดสินใจให้กับผู้ซื้อ เพราะเกรงว่าราคาที่อยู่อาศัยจะสูงขึ้นหลังจากผู้ประกอบการมีการปรับราคาใหม่ ในขณะที่อีกแง่หนึ่ง ลูกค้าอาจจะลังเลอยู่ ดังนั้นหากผู้ประกอบการรายใด มีการใช้แผนการสนับสนุนทางการตลาดหรือทางการเงินที่เหมาะสมต่อความมั่นใจในการซื้อที่อยู่อาศัยของลูกค้าได้ ก็จะช่วยให้การตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยทำได้เร็วขึ้นด้วย
ในช่วง 1 เดือนก่อนหน้านี้ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ได้มีการคิดค้นและนำเสนอแพกเกจทางการเงินใหม่ล่าสุดที่ชื่อว่า “Siri Safety” ซึ่งเป็นแผนสนับสนุนทางการเงินสำหรับผู้ที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยใหม่ทุกระดับราคา เพื่อช่วยให้ลูกค้าสามารถบริหารต้นทุน และลดความเสี่ยงจากค่าใช้จ่ายในการผ่อนชำระเงินกู้ระยะยาวได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยข้อเสนออัตราดอกเบี้ยพิเศษสุดเพียงร้อยละ 3.75 ใน 2 ปีแรก และอัตราดอกเบี้ยคงที่เพียงร้อยละ 5.75 ตลอดอายุสัญญานานสูงสุดถึง 25 ปี โดยร่วมกับบริษัท อเมริกัน อินเตอร์เนชันแนล แอสชัวรันส์ (ประเทศไทย) จำกัด (AIA) เป็นสินเชื่อที่ไม่จำกัดวงเงิน โดยจะพิจารณาตามความสามารถในการผ่อนชำระเงินกู้ของลูกค้า ซึ่งเอกสิทธิ์ดังกล่าวเฉพาะลูกค้าที่ซื้อโครงการของแสนสิริ ไม่ว่าจะเป็นโครงการคอนโดมิเนียมหรือโครงการบ้านจัดสรรทุกระดับราคา โดยลูกค้าสามารถขอใช้บริการแพกเกจสินเชื่อ “Siri Safety” ได้ทุกโครงการ ซึ่งปัจจุบันมีการขยายระยะเวลาการให้บริการเพิ่มเติมจนถึงสิ้นเดือนธันวาคม 2548
แพกเกจทางการเงินดังกล่าวสามารถช่วยสร้างความมั่นใจให้แก่ลูกค้า ในแง่การควบคุมภาระค่าใช้จ่ายในระยะยาวได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งแตกต่างกับสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยทั่วไป ที่เสนออัตราดอกเบี้ยคงที่เฉพาะ 1-3 ปีแรกภายใต้เงื่อนไขที่กำหนด หลังจากนั้นจะคำนวณเป็นอัตราดอกเบี้ยลอยตัว โดยอิงอัตราดอกเบี้ยลูกค้าชั้นดี (MLR) ที่ไม่สามารถคาดการณ์ถึงอัตราดอกเบี้ยที่แน่นอนได้ ซึ่งอัตราดอกเบี้ย MLR มีโอกาสการเปลี่ยนแปลงสูงขึ้นมาก อาจส่งผลให้ผู้กู้ไม่สามารถแบกรับภาระการผ่อนชำระบ้านที่เพิ่มขึ้นได้ จนอาจส่งผลให้สถาบันการเงินจำเป็นต้องดำเนินการทางกฎหมายต่อไปได้ ซึ่งในปัจจุบันเริ่มมีธนาคารพาณิชย์และสถาบันกาเงินบางแห่ง ได้ปรับอัตราดอกเบี้ยเงินฝากและอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เพิ่มขึ้นแล้วร้อยละ 0.25 และมีแนวโน้มจะปรับเพิ่มขึ้นอีกในอนาคตอันใกล้ ที่สำคัญลูกค้าจะได้รับความสะดวกสบายในด้านสถานที่ชำระเงินด้วย โดยสามารถชำระเงินค่างวดผ่านธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกสิกรไทย และธนาคารไทยพาณิชย์ ได้ทุกสาขาทั่วประเทศ รวมถึงชำระผ่านระบบหักบัญชีอัตโนมัติ เช็คสั่งจ่ายล่วงหน้า หรือชำระเป็นเงินสดได้ด้วย
“ช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ลูกค้าที่ซื้อที่อยู่อาศัยของแสนสิริ ทั้งคอนโดมิเนียมและบ้านจัดสรร โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าที่ซื้อที่อยู่อาศัยระดับราคา 3-8 ล้านบาทนั้น มีความสนใจแพกเกจ “Siri Safety” ค่อนข้างมาก เพราะลูกค้ากลุ่มนี้ ส่วนใหญ่มีรายได้จากการทำงานประจำ การซื้อที่อยู่อาศัยจะเลือกการผ่อนชำระในระยะยาว ดังนั้นรายได้เมื่อหักค่าใช้จ่ายส่วนตัวที่มีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆนั้น ทำให้สนใจเลือกแพกเกจทางการเงินที่ควบคุมค่าใช้จ่ายได้ในระยะยาว แต่ทั้งนี้เรายังไม่สามารถสรุปยอดจำนวนผู้ใช้สินเชื่อทั้งหมดได้ เพราะลูกค้าส่วนใหญ่อยู่ในขั้นตอนจองซื้อ และจะเริ่มมีการทยอยโอนที่อยู่อาศัยในช่วงต่อไป ซึ่งคาดว่าจะสามารถสรุปผลที่ชัดเจนทั้งจำนวนและปริมาณการใช้สินเชื่อได้ในช่วงปลายปี 2548 นี้” นายเศรษฐา กล่าว
ฝ่ายประชาสัมพันธ์
บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน)--จบ--

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ