กทม. จับมือมูลนิธิเอเชีย นำเด็กปฐมวัยจาก 4 โรงเรียน รวม 914 ครอบครัว จัดเทศกาลรักการอ่านผ่านนิทานและการเล่น

ข่าวทั่วไป Friday December 20, 2024 08:25 —ThaiPR.net

กทม. จับมือมูลนิธิเอเชีย นำเด็กปฐมวัยจาก 4 โรงเรียน รวม 914 ครอบครัว จัดเทศกาลรักการอ่านผ่านนิทานและการเล่น

เมื่อเร็วๆ นี้ นายศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้มาเป็นประธาน ในพิธีเปิดงานเทศกาลรักการอ่านผ่านนิทานและการเล่น (Let's Read and Play's Reading Festival 2024) ตอนเปิดประตูสู่โลกนิทานมหัศจรรย์กับคุณหนูและผองเพื่อนสัตว์น่ารัก ที่ รร.ฤทธิยะวรรณาลัย (ประถมศึกษา) เขตสายไหม ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการส่งเสริมการอ่านในเด็กปฐมวัยผ่านนิทานและการเล่น จัดขึ้นเป็นปีที่ 2 โดยมูลนิธิเอเชีย ประเทศไทย ภายใต้ความร่วมมือของสำนักการศึกษา กรุงเทพมหานคร และเหล่าพันธมิตร ซึ่งในปี 2567 ได้ขยายโครงการฯ ไปใน 4 โรงเรียนของ กทม. จำนวนกว่า 914 ครอบครัว, มีการจัดทำหนังสือนิทานภาษาไทยจำนวน 20 เล่ม เพื่อเผยแพร่อัตลักษณ์ความเป็นไทย และการออกแบบฟีเจอร์ใหม่ในแอพพลิเคชัน Let's Read ชื่อ Learning Pathway เพื่อส่งเสริมการอ่าน และทำกิจกรรมร่วมกับผู้ปกครองให้ง่ายยิ่งขึ้น

นายศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้กล่าวว่า "การอ่านเป็นหัวใจสำคัญของการศึกษา โดยในปี 2567 ท่านผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครได้เน้นใน 2 เรื่อง คือการศึกษากับสาธารณสุข โดยในด้านการศึกษาได้มีการส่งเสริมทั้งในทั้งเรื่องเทคโนโลยี, สื่อการเรียนการสอน และการพัฒนาคุณครู โดยเฉพาะเด็กแรกเกิดและปฐมวัย ได้มีการเปิดโรงเรียนอนุบาล 3 ขวบ ที่ทำให้เด็กเข้าโรงเรียนได้เร็วขึ้น สำหรับเรื่องการอ่านนั้น กทม.ได้มีนโยบายให้เด็กมีหนังสือเล่มแรก โดยผ่านสำนักการแพทย์ เป็นหนังสือ 3 เล่ม เพื่อใช้เป็นคู่มือให้พ่อแม่ว่าจะสอนลูกอ่านได้อย่างไร รวมถึงมีห้องสมุดในโรงเรียนเพื่อให้เด็กได้อ่านหนังสือร่วมกับพ่อแม่ ซึ่งจะทำเด็กใน กทม. ได้พัฒนามากขึ้น หัวใจสำคัญคือทุกวันนี้หนังสือมีราคาแพง ทำให้พ่อแม่อาจจะซื้อไม่ได้ทุกคน ดังนั้นการมีห้องสมุดสาธารณะก็จะทำให้เด็กเข้าถึงการอ่านได้ดียิ่งขึ้น และเมื่อมีการวัดผลคะแนน PISA ตอนเด็กอายุ 15 ปี จะเห็นว่ามีสกิลสำคัญอยู่ 3 เรื่องคือภาษาอังกฤษ, วิทยาศาสตร์ และการอ่าน โดยการอ่านถือว่าเป็นรากฐานของทุกเรื่อง ซึ่งการจัดงานครั้งนี้จะช่วยส่งเสริมให้เด็กรักการอ่าน และพัฒนาความรู้ในมิติอื่นๆ รวมถึงความสัมพันธ์ในครอบครัว ที่พ่อแม่จะมีปฎิสัมพันธ์กับลูกมากที่สุดคือตอนอ่านนิทาน"

ด้าน น.ส.วรจรรย์ เนียมทรัพย์ ผู้จัดการโครงการ Let's Read and Play มูลนิธิเอเชีย ประเทศไทย กล่าวว่า "โครงการ Let's Read and Play จัดขึ้นเพื่อปลูกฝังนิสัยรักการอ่านในเด็กปฐมวัยผ่านนิทานและการเล่น โดยเมื่อปี 2566 ได้ทดลองนำร่องที่ รร.ฤทธิยะวรรณาลัย (ประถมศึกษา) เขตสายไหม โดยมี รศ.ดร.อรพรรณ บุตรกตัญญู ผู้เชี่ยวชาญด้านปฐมวัยศึกษา คณะศึกษาศาสตร์ ม.เกษตรศาสตร์ และคณะทำงาน ได้

คัดเลือกนิทานที่มีเนื้อหาสอดคล้อง กับสาระการเรียนรู้ตามหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พ.ศ.2560 มาออกแบบ เน้นการสอนแบบสมดุลภาษาที่ผสมผสานการเรียนรู้ภาษาตามธรรมชาติ และการสะกดคำที่เหมาะสมตามช่วงวัย บูรณาการกับ STEM และ STEAM เพื่อส่งเสริมการรู้ภาษาและคณิตศาสตร์ขั้นเริ่มต้น (Early Literacy) และทักษะการบริหารจัดการทางสมองสู่ชีวิตที่สำเร็จ (EF) รวมทั้งแนวคิดเรื่องความหลากหลาย (Diversity) เพื่อให้เด็กปฐมวัยได้พัฒนาทักษะรอบด้านทั้งจากที่โรงเรียนและที่บ้าน โดยมีนักเรียนเข้าร่วม 271 คน ปรากฎผลว่าเด็กมีพัฒนาการเรียนรู้สูงขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งทางด้านนิสัยรักการอ่าน การเรียนรู้ทางภาษาอย่างมีความหมาย การรู้จักและจดจำตัวอักษร เสียง และคำศัพท์ที่นำไปสู่ความสามารถในการอ่าน รวมถึงทักษะคณิตศาสตร์ขั้นเริ่มต้น มีความถี่และระยะเวลาอ่านหนังสือที่บ้านระหว่างเด็กและผู้ปกครองเพิ่มขึ้น

จากความสำเร็จดังกล่าวฯ ในปี 2567 ทางมูลนิธิการศึกษา แวนลีอูเวน ประเทศเนเธอร์แลนด์ จึงได้มอบทุนสนับสนุนร่วมกับบริษัท โนมูระ สิงคโปร์ จำกัด เพื่อต่อยอดการจัดทำโครงการฯ เพิ่มขึ้นใน 4 โรงเรียน ได้แก่ รร.ฤทธิยะวรรณาลัย เขตสายไหม, รร.เพชรถนอม เขตลาดพร้าว, รร.คลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม และ รร.วัดคู้บอน เขตคลองสามวา มีผู้เข้าร่วม 914 ครอบครัว, มีการจัดทำนิทานภาษาไทยจำนวน 20 เล่ม เพื่อใช้ในโครงการฯ และเผยแพร่อัตลักษณ์ความเป็นไทย รวมถึงออกแบบฟีเจอร์ใหม่ในแอพพลิเคชัน Let's Read ชื่อ Learning Pathway ที่ทำให้เด็กและผู้ปกครองได้อ่านนิทานและทำกิจกรรมร่วมกันได้ง่ายขึ้น"

สำหรับมูลนิธิเอเชีย เป็นองค์กรระหว่างประเทศที่ไม่แสวงหากำไร ที่ผ่านมาได้จัดพิมพ์หนังสือเพื่อเด็กปฐมวัยและพัฒนาห้องสมุดนิทานดิจิทัล Let's Read ซึ่งปัจจุบันมีนิทานหลากหลายกว่า 10,000 เรื่อง ใน 59 ภาษา ให้เด็กหลายล้านคนทั่วเอเชียแปซิฟิก ได้อ่านฟรีโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย โดยผู้สนใจสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่นได้จาก Google Play ในแอนดรอยด์ และ App Store ในระบบ iOS หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทรศัพท์ 062-7341267 ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ