ในโลกที่เต็มไปด้วยความเครียดจากการทำงานและความกดดันในชีวิตประจำวัน หลายคนอาจรู้สึกเหนื่อยล้า หมดแรง หรือไม่อยากทำอะไรเลย จนอาจสับสนว่าตนเองกำลังเผชิญกับBurnout Syndrome หรือ ภาวะซึมเศร้า (Depression) ที่อาจส่งผลต่อสุขภาพจิตและการดำเนินชีวิต
Burnout กับ ซึมเศร้า : แตกต่างกันอย่างไร?
ทั้ง Burnout Syndrome และ ภาวะซึมเศร้า (Depression) มีอาการบางอย่างที่คล้ายกัน เช่น ความรู้สึกเหนื่อยล้า หดหู่ และหมดไฟ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ทั้งสองสภาวะนี้มีลักษณะและสาเหตุที่แตกต่างกัน ดังนี้:
- สาเหตุ : เกิดจากความเครียดสะสมจากการทำงานหนัก ความกดดันจากภาระงาน และการขาดสมดุลระหว่างชีวิตส่วนตัวและการทำงาน
- อาการ : มักจะเกิดขึ้นเฉพาะในแง่ของการทำงาน เช่น รู้สึกหมดไฟจากการทำงาน อารมณ์หงุดหงิดง่าย รู้สึกห่างเหินจากเพื่อนร่วมงาน หรือรู้สึกว่าไม่สามารถทำงานให้สำเร็จได้
- การฟื้นตัว : เมื่อได้หยุดพักและเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงานหรือการใช้ชีวิตกลับมาสมดุล อาการจะดีขึ้น
- สาเหตุ : อาจเกิดจากหลายปัจจัย เช่น พันธุกรรม การเปลี่ยนแปลงในชีวิต หรือความเครียดเรื้อรังที่มีผลต่อสมองและอารมณ์
- อาการ : ความรู้สึกหดหู่ ไม่มีความสุขในกิจกรรมที่เคยชอบ รู้สึกตัวเองไร้ค่า ขาดแรงบันดาลใจ และอาจมีอาการทางกาย เช่น การนอนไม่หลับ หรือนอนมากเกินไป และอาจมีความคิดฆ่าตัวตาย
- การฟื้นตัว : การรักษาผ่านการบำบัดทางจิตใจ (เช่น CBT) หรือการใช้ยาตามคำแนะนำของแพทย์เป็นวิธีที่ช่วยฟื้นฟูภาวะซึมเศร้าได้
วิธีเช็กว่าเป็น Burnout หรือ ซึมเศร้า?
หลายครั้งที่อาการของ Burnout และ ซึมเศร้า อาจดูเหมือนกัน แต่มีลักษณะที่ต่างกันในรายละเอียด นี่คือวิธีเช็กเบื้องต้นว่าอาการที่คุณกำลังเผชิญอยู่เป็น Burnout หรือ ซึมเศร้า:
เช็กอาการ Burnout :
เช็กอาการซึมเศร้า :
การแยกแยะระหว่าง Burnout Syndrome และ ภาวะซึมเศร้า เป็นขั้นตอนแรกที่สำคัญในการดูแลสุขภาพจิตของคุณ หากคุณรู้สึกเหนื่อยล้า หมดไฟ หรือท้อแท้ การรับฟังร่างกายและอารมณ์ของตัวเองอย่างใส่ใจ พร้อมกับการหาความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญ สามารถช่วยให้คุณฟื้นฟูและกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขและสมดุลอีกครั้ง