กรุงเทพฯ--12 ต.ค.--ฮิลล์ แอนด์ นอลตัน
เกษรแถลงครั้งใหญ่ ประกาศความสำเร็จพร้อมจัดงานการกุศล ยิ่งใหญ่แห่งปีมอบรายได้แก่ยูนิเซฟ ในช่วง 9 เดือนแรกของปี พ.ศ. 2548 หรือระหว่างเดือนมกราคม — กันยายนที่ผ่านมา จำนวนลูกค้าที่เข้ามายังเกษรนั้นเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 11 หรือประมาณกว่า 3.89 ล้านคน เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2547 ถึงแม้ว่าจะมีสถานการณ์ทางเศรษฐกิจเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์ใน 6 จังหวัดภาคใต้ชายฝั่งอันดามันหรือการเพิ่มสูงขึ้นของราคาน้ำมัน โดยจำนวนลูกค้าที่เพิ่มขึ้น อย่างต่อเนื่องนี้ส่งผลต่อการเติบโตอย่างมั่นคงและชื่อเสียงที่แพร่หลายยิ่งขึ้นของเกษร ซึ่งนับเป็นความสำเร็จที่เกิดขึ้นจากการจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดและความสมบูรณ์แบบของ ย่านราชประสงค์แห่งนี้
ด้านยอดขายของร้านค้าต่างๆ ภายในเกษรนั้นปรากฏว่ามีจำนวนยอดขายที่เพิ่มขึ้น ในช่วงระหว่าง 6 เดือนแรกของปีนี้ ถึงร้อยละ 7.5 นอกจากนี้ ยังมียอดขายที่เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 13 จากการจัดงานประจำปี The End of Season Spectacular Sale เมื่อปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ถึงแม้ว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจากญี่ปุ่นและประเทศอื่นๆ ในเอเชียจะลดลงในช่วงต้นปีที่ผ่านมา
สำหรับตัวเลขต่างๆ ที่เพิ่มขึ้นระหว่างเดือนมกราคม — กันยายนของปีนี้นั้นยังเป็นการแสดงให้เห็นว่าเกษรจะยังคงได้รับความสำเร็จในช่วงปี 2548 นี้เช่นกัน ด้วยการนำเสนอสินค้าที่มีรสนิยมและบริการที่มีคุณภาพเหนือกว่าพร้อมด้วยความมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเกษร การอำนวย ความสะดวกสบายรวมถึงการมอบประสบการณ์ที่ดีให้แก่ลูกค้ามีระดับที่เข้ามาซื้อสินค้าที่เกษรนี้ กลยุทธ์สำคัญที่ทำให้เกษรคงความเป็นศูนย์การค้าระดับพรีเมียมของกรุงเทพฯ ไว้ได้นั้นมี 3 ประการ คือ ความเชื่อมั่นในการคัดสรรและผสมผสานร้านค้าไว้อย่างลงตัวที่สุด การปรับปรุงอาคารและสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างต่อเนื่องและการคงคุณภาพในการให้บริการลูกค้าด้วย การจัดกิจกรรมการตลาดต่างๆ
และในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี พ.ศ. 2548 นี้ เกษรจะเปิดตัวอีก 4 ร้านค้าใหม่ซึ่งจะเปิดให้บริการเอ็กซ์คลูซีฟที่เกษร คือ ดาวิด็อฟ ผู้ผลิตและจำหน่ายซิการ์รวมถึงเครื่องประดับต่างๆ โทมัส พิงค์ แบรนด์เสื้อเชิ้ตจากลอนดอนที่มีชื่อเสียงระดับโลก โอลิเวีย จิลเวลรี่ ผู้เชี่ยวชาญด้านเครื่องประดับชั้นแนวหน้าของไทย และไทม์ส เอนด์ แฟชั่นไทยที่มีดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์
ทั้งนี้ ภายในปี พ.ศ. 2548 เกษรจะมีร้านค้าเปิดใหม่รวมทั้งสิ้น 12 ร้านด้วยกัน ซึ่งนอกเหนือจาก ร้านค้าทั้งสี่ที่กำลังจะเปิดนั้น เกษรได้เปิดตัวไปแล้ว 8 ร้านค้านับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา อาทิ แฟลกชิพสโตร์ของมอสคิโน่ซึ่งนับเป็นร้านแรกของแฟชั่นแบรนด์ระดับโลกนี้ที่มาเปิดร้านใน ประเทศไทย แฟชั่นโซไซตี้ ร้านมัลติสโตร์แห่งแรกของประเทศไทยที่รวบรวมแฟชั่นแบรนด์ไทยของดีไซน์เนอร์ชั้นนำ คลาวด์ ไนน์ อีกหนึ่งร้านที่รวบรวมสินค้าแบรนด์ต่างๆ ที่มีสไตล์โดดเด่นของดีไซน์เนอร์ชื่อดังจากฝั่งนิวยอร์กไว้ด้วยกัน มี นำเสนอสินค้าตกแต่งบ้านที่จะเพิ่มความหลากหลายให้แก่เกษร รวมถึงร้านที่เพิ่งเปิดใหม่ล่าสุดกับคอนเซ็ปต์สโตร์ของ ธาร เนทีฟ เสนอผลิตภัณฑ์สปาและผลิตภัณฑ์เพื่อความงามของไทยที่กำลังได้รับความนิยมอย่างยิ่งจากทั้งชาวไทยและ นักท่องเที่ยว สำหรับภัตตาคารที่เปิดใหม่นั้นคือ บาร์ อิตาเลีย เกรย์ฮาวด์คาเฟ่ และมิสทรัล ภัตตาคารอาหารฝรั่งเศสชั้นเลิศจากซีแอตเติล นอกจากนี้ ยังมีร้านค้าปัจจุบันอีก 5 ร้านที่ได้ขยายพื้นที่เพิ่มเติมเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มมากขึ้น ได้แก่ ร้านแอกเนอร์ ควานเพ็ญ พอล ซิลเลอรี่ สวารอฟสกี้ และสเรทซิส
การปรับปรุงเปลี่ยนแปลงของร้านค้าต่างๆ ทั้งหมดในเกษรนี้ เป็นการช่วยส่งเสริมความหลากหลายและครบครันของสินค้าและบริการภายในเกษร เพื่อให้มั่นใจว่าลูกค้าจะเพลิดเพลินกับแบรนด์ชั้นนำระดับโลกต่างๆ ภายใต้สิ่งอำนวยความสะดวกสบาย การขยายพื้นที่รวมถึงการเพิ่มจำนวนของร้านค้าครั้งนี้ส่งผลให้พื้นที่ภายในเกษรมีจำนวนร้านค้าอยู่เกือบเต็มพื้นที่ถึงร้อยละ 99
“การปรับปรุงเปลี่ยนแปลงต่างๆ ที่เกิดขึ้นนั้นเพื่อสนองต่อการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของโลกแห่งแฟชั่นและศูนย์การค้าระดับนานาชาติ รวมถึงเป็นการรองรับความคาดหวังของลูกค้า ชาวไทยและนักท่องเที่ยวที่เข้ามาจับจ่ายและใช้บริการที่นี่ด้วย” คุณชาญ ศรีวิกรม์ ประธานกรรมการกล่าว
โดยภายในช่วง 6 เดือนข้างหน้านี้ เกษรเตรียมที่จะใช้งบประมาณกว่า 100 ล้านบาทสำหรับ การปรับปรุงต่างๆ ภายในศูนย์การค้า เพื่อรักษาความเป็นศูนย์การค้าระดับพรีเมี่ยมชั้นนำของกรุงเทพฯ โดยจะเริ่มปรับปรุงป้ายสัญลักษณ์ต่างๆ ภายในไตรมาสที่สี่ของปีนี้เพื่อ อำนวยความสะดวกในการเข้ามาใช้บริการให้แก่ลูกค้าและนักท่องเที่ยวมากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ การประสบความสำเร็จของเกษรนั้นเป็นผลมาจากการจัดกิจกรรมการตลาดต่างๆ ซึ่งเกษรจะเน้นให้เพิ่มมากขึ้นในปีหน้า ควบคู่ไปกับกลยุทธ์ด้านการบริหารลูกค้าสัมพันธ์หรือ CRM ของเกษรในปี พ.ศ. 2549 เพื่อที่จะสามารถสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้แก่ลูกค้าระดับวีไอพี โดยขณะนี้ ทางเกษรได้ร่วมกับร้านค้าต่างๆ ในการเตรียมนำเสนอสินค้าปลอดภาษีสำหรับลูกค้าที่จะเดินทางไปต่างประเทศ รวมถึงการจัดมาตรฐานในการให้บริการแก่ลูกค้าโดยพนักงานบริการลูกค้าหรือ คอนเซียจที่สามารถสื่อสารได้หลายภาษา และบริการรับจอดรถเพื่อการเข้ามาใช้บริการภายในเกษรได้อย่างสะดวกง่ายดาย
และเพื่อเป็นการฉลองความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง เกษรได้ร่วมกับแบรนด์ชั้นนำที่มีชื่อเสียงระดับโลกต่างๆ ภายในเกษร จัดการแสดงผลงานโอริกามิภายในอาคารที่ใหญ่ที่สุดในโลก เพื่อหารายได้ มอบให้แก่ยูนิเซฟ โดยจะมีการจัดแสดงนกกระเรียนกระดาษในแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่นกว่า 50 ตัวพร้อมผลงานอีก 21 ชิ้นที่จัดแสดงโดยแบรนด์ต่างๆ ซึ่งเป็นการสร้างสรรค์ร่วมกันโดยศิลปินโอริกามิที่มีชื่อเสียงระดับโลก จูน ซากาโมโต้และโจนาธาน แบ็กซ์เตอร์ การจัดแสดงผลงานดังกล่าวจะมีขึ้นในวันที่ 20 ตุลาคมศกนี้ โดยผู้ที่เยี่ยมชมสามารถร่วมสมทบทุนเพื่อมอบให้แก่ยูนิเซฟได้ ด้วยการบริจาคเงินในกล่องที่จะจัดไว้ในแต่ละผลงานที่ชื่นชอบ และผู้ที่บริจาคเงินจำนวนสูงสุดในแต่ละผลงานจะได้รับผลงานพร้อมสินค้าของแบรนด์นั้น
“การพัฒนาความสัมพันธ์ที่มีต่อลูกค้าและร้านค้าของเรารวมถึงความมุ่งมั่นในการบริหารศูนย์การค้าแห่งนี้ตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมานั้น ส่งผลให้เกษรประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ในวันนี้ และการที่เรามีการปรับปรุงอย่างต่อเนื่องจะทำให้เกษรสามารถเพิ่มยอดขายและจำนวนลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการได้เป็นตัวเลขถึงสองตำแหน่งแน่นอน นอกจากนี้ การจัดแสดงผลงานโอริกามิเพื่อมอบรายได้ให้แก่ยูนิเซฟ โดยความร่วมมือกันระหว่างเกษรและร้านค้าต่างๆ ในครั้งนี้ก็เพื่อแบ่งปันความสำเร็จของเราไปสู่เยาวชนของเรานั่นเอง” คุณชาญกล่าว
เกษรได้เปิดให้บริการหลังจากการปรับปรุงครั้งใหญ่เมื่อปี พ.ศ. 2546 โดยการบริหารงานร่วมกันระหว่างบริษัท จี.เอส. พร็อพเพอร์ตี้ แมนเนจเม้นท์ จำกัด และฮ่องกงแลนด์ มีพื้นที่ในส่วนของร้านค้าทั้งหมด 12,600 ตารางเมตร โดยร้านค้าทั้งหมดนำเสนอสินค้าแบรนด์ชั้นนำระดับโลก รวมถึงแบรนด์ไทยระดับแนวหน้าและสินค้าตกแต่งบ้าน ทั้งนี้ ลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการภายในเกษรจะได้สัมผัสประสบการณ์ที่แตกต่างของการให้บริการด้วยคุณภาพระดับพรีเมี่ยม ไม่ว่าจะเป็นบริการรับจอดรถโดยพนักงานที่ได้รับการฝึกอบรมจากรถบีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 7 รวมถึงพนักงานคอนเซียจระดับมืออาชีพที่คอยให้บริการรวมถึงการให้ข้อมูลแก่ลูกค้าได้อย่างครอบคลุม ทั้งนี้ เกษรเป็นหนึ่งในสมาชิกที่ร่วมก่อตั้งสมาคมผู้ประกอบวิสาหกิจย่านราชประสงค์หรือ RSTA เพื่อร่วมกันผลักดันให้ย่านราชประสงค์เป็นแหล่งช้อปปิ้งชั้นนำระดับโลก
องค์กรยูนิเซฟได้ดำเนินกิจกรรมต่างๆ เพื่อช่วยเหลือเด็กผู้ด้อยโอกาสในประเทศไทยมากว่า 57 ปีแล้ว ทั้งนี้ ยูนิเซฟได้สนับสนุนให้เด็กไทยผู้ด้อยโอกาสทุกคนได้รับสิทธิต่างๆ ตามที่พึงได้อย่างเท่าเทียมกัน โดยไม่คำนึงถึงเชื้อชาติ วัฒนธรรม เพศ หรือศาสนา รวมถึงสิทธิเพื่อการอยู่รอด การพัฒนา การคุ้มครองและการมีส่วนร่วมต่างๆ ซึ่งจะนำไปสู่ชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น การศึกษาที่ดีขึ้น โอกาสในอาชีพการงานที่ดีขึ้น และความคุ้มครองที่ดีขึ้น ให้แก่เยาวชนไทยของเรา
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ
สุธาทิพย์ บุญแสง / ชัชฎา จันทรางศุ
ฮิลล์ แอนด์ นอลตัน ประเทศไทย
โทร. 0-2627-3501 ต่อ 216, 109
อีเมล์ sboonsaeng@th.hillandknowlton.com
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net--จบ--