อันตรายจากฝุ่น PM2.5 กับภาวะ "เลือดกำเดาไหล"

ข่าวทั่วไป Friday January 24, 2025 15:15 —ThaiPR.net

อันตรายจากฝุ่น PM2.5 กับภาวะ

ขณะนี้ประเทศไทยกำลังเผชิญกับวิกฤตฝุ่น PM2.5 ที่พุ่งสูงจนหลายพื้นที่กลายเป็นพื้นที่สีแดง ไม่ใช่แค่กรุงเทพฯ แต่ยังรวมถึงจังหวัดอื่นๆ ทั่วประเทศ ฝุ่นละอองขนาดเล็กนี้ได้ส่งผลกระทบต่อสุขภาพร่างกายในหลายด้าน และหนึ่งในอาการที่กำลังเป็นปัญหามากในตอนนี้นั่นก็คือ "ภาวะเลือดกำเดาไหล"

PM2.5 ทำอันตรายต่อสุขภาพได้อย่างไร?ฝุ่น PM2.5 ไม่เพียงทำลายระบบทางเดินหายใจและสมอง แต่ยังเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคร้าย เช่น มะเร็งปอด ปอดติดเชื้อ โรคหอบหืดกำเริบ รวมถึงกระตุ้นให้เกิดโรคภูมิแพ้และโพรงจมูกอักเสบ นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยที่ยืนยันว่าฝุ่น PM2.5 มีความสัมพันธ์กับการเกิดเลือดกำเดาไหลโดยตรง

ต้องได้รับฝุ่นเยอะขนาดไหน เลือดกำเดาถึงไหล?ฝุ่น PM2.5 ซึ่งมีขนาดเล็กมาก สามารถเข้าสู่โพรงจมูกได้โดยง่าย ส่งผลให้เยื่อบุโพรงจมูกเกิดการอักเสบ เส้นเลือดฝอยบริเวณดังกล่าวจึงเปราะบางและแตกได้ง่าย จนทำให้เกิดเลือดกำเดาไหล โดยเฉพาะในกลุ่มที่ได้รับฝุ่น PM2.5 ในปริมาณสูงหรือแม้ได้รับฝุ่นในปริมาณไม่มากก็อาจกระตุ้นอาการได้ โดยเฉพาะในเด็กเล็กที่มีความไวต่อมลพิษสูง รวมถึงผู้สูงอายุ คนท้อง ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง เช่น โรคภูมิแพ้ หอบหืด ปอดอุดกั้นเรื้อรัง โรคหัวใจและหลอดเลือด ก็มีโอกาสที่จะเกิดภาวะนี้สูงเช่นกัน

วิธีป้องกันและดูแลสุขภาพเบื้องต้น

  • หลีกเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้งในช่วงที่ค่าฝุ่นสูง
  • สวมหน้ากากอนามัย N95 หากต้องออกนอกบ้าน เพราะมีประสิทธิภาพในการป้องกันฝุ่นดีกว่าแมสก์ทั่วไป
  • หากมีอาการเลือดกำเดาไหลบ่อยในช่วงที่ค่าฝุ่นสูง ควรรีบพบแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพและรับคำแนะนำในการดูแลอย่างเหมาะสม

การดูแลตัวเองอย่างเหมาะสมและการป้องกันที่ถูกต้องสามารถลดผลกระทบจากฝุ่น PM2.5 ต่อสุขภาพได้อย่างมีประสิทธิภาพ ที่สำคัญอย่าลืมติดตามสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 อย่างใกล้ชิด พร้อมปฏิบัติตามคำแนะนำในการป้องกัน เพื่อความปลอดภัยของตัวคุณและคนที่คุณรัก

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมCall Center 1512Line Official : @ramhospital

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ