หลาย ๆ คนคิดว่า อ้วน ก็แค่น้ำหนักตัวมาก ถ้าไม่เป็นโรคก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่หารู้ไม่ว่า "สภาวะอ้วน" ถือว่าเป็นโรค โรคหนึ่ง เป็นภัยเงียบ ที่ส่งผลต่อทุกระบบในร่างกาย ตั้งแต่หัวจรดเท้า รวมถึงทำให้อายุสั้นลงอย่างมีนัยสำคัญ!!!
นพ.ศิรสิทธิ์ เลาหทัย ศัลยแพทย์เฉพาะทางด้านการผ่าตัดส่องกล้องขั้นสูง รพ.ศิครินทร์ กล่าวว่า ผลกระทบของโรคอ้วนนั้น มีผลต่อระบบต่าง ๆ ของร่างกาย ซึ่งสามารถแยกเป็น 9 หัวข้อหลัก ได้แก่
ระบบหัวใจ และหลอดเลือดโดยน้ำหนักตัวที่มากเกินไป จะเพิ่มภาระการทำงานของหัวใจ ส่งผลให้เกิดภาวะความดันโลหิตสูง และเกิดการอักเสบเรื้อรังของเยื่อบุหลอดเลือด ทำให้เกิดความเสียหายต่อหลอดเลือด จนหลอดเลือดแดงแข็งตัว (Atherosclerosis) เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคสมองขาดเลือดจนเป็นอัมพาต (Ischemic stroke) เส้นเลือดหัวใจตีบ หัวใจขาดเลือด (Myocardial Infarction) และ หัวใจล้มเหลว (Congestive Heart Failure)
ระบบทางเดินหายใจ เชื่อหรือไม่ว่า แค่การนอนกรน ไม่ได้เป็นแค่ปัญหาต่อคนรอบข้าง แต่ยังส่งผลต่อหัวใจและหลอดเลือดของตัวผู้ป่วยเอง โดยในผู้ป่วยโรคอ้วนกว่า 90% จะมีสภาวะนอนกรน ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะการหายใจอุดกั้นขณะนอนหลับ (Obstructive Sleep Apnea หรือ OSA) ทำให้เราขาดออกซิเจนเรื้อรัง ไม่เพียงแต่ทำให้เราพักผ่อนไม่เพียงพอแล้ว ยังทำให้มีความจำสั้นลง ความดันในเลือดสูง ตลอดจนหัวใจล้มเหลวตามมาได้
ระบบต่อมไร้ท่อ หรือ ฮอร์โมนต่าง ๆ ของร่างกาย แน่นอนว่าทุกคนคงทราบดีอยู่แล้วว่าสภาวะโรคอ้วนจะตามมาด้วย โรคเบาหวานชนิดที่สอง (Diabetes Mellitus type 2) และ สภาวะดื้อต่อฮอร์โมนอินซูลิน ทำให้ร่างกายไม่สามารถควบคุมระดับน้ำตาลที่มีอยู่ในเส้นเลือดได้ และเกิดภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ ตามมา ไม่ว่าจะเป็น แผลเรื้อรังที่ขา (Diabetic Foot), เบาหวานขึ้นตา (Diabetic Retinopathy), เบาหวานลงไต (Diabetic Nephropathy)
ระบบทางเดินน้ำดี ตับ ตับอ่อน ถุงน้ำดี เกิดความผิดปกติ ทำให้เกิดโรคไขมันเกาะตับ (Non-alcoholic fatty liver disease หรือ NAFLD) ที่เรารู้จักกันดี ไขมันก็ไม่ได้แค่ไปแปะอยู่ที่ตับเพียงอย่างเดียว แต่ทำให้เกิดการอักเสบตลอดเวลา (Non-alcoholic steatohepatitis หรือ NASH) จนทำให้เกิดสภาวะตับแข็งตามมา (Cirrhosis) และโรคนิ่วในถุงน้ำดี (Gallstone) ซึ่งก็เป็นอีกโรคหนึ่งที่สามารถพบได้มากในผู้ป่วยโรคอ้วน เนื่องจากส่วนประกอบในน้ำดีที่เปลี่ยนแปลงไปจากระดับคลอเรสเตอรอล ที่สูงขึ้นทำให้เกิดนิ่วชนิดที่เรียกว่า Cholesterol Stone
ระบบทางเดินอาหาร เมื่อเรามีไขมันสะสมอยู่มาก ทำให้เกิดแรงดันในช่องท้องมากขึ้น จนเกิดเป็นโรคกรดไหลย้อน (Gastroesophageal Reflux Disease หรือ GERD) ตามมาซึ่งเป็นปัจจัยหนึ่งที่อาจทำให้เกิดโรคมะเร็งตามมาได้ในอนาคต
ระบบกระดูกและกล้ามเนื้อ เมื่อข้อต่อต่าง ๆ ของร่างกายต้องรับน้ำหนักมากขึ้น (Weight bearing joint) จะทำให้มีอาการปวดเข่า ข้อเท้า สะโพก ได้ และอาจจะส่งผลให้เกิดข้อเข่าเสื่อม (Osteoarthritis) ขึ้นตามมา โดยเมื่อยิ่งมีอาการปวด เรายิ่งออกกำลังกายได้ลดลง ก็ยิ่งทำให้น้ำหนักตัวเราเพิ่มมากกว่าเดิมขึ้นไปอีก
ระบบสืบพันธุ์ นอกจากโรคที่เราคุ้นเคยอย่างเช่น ในเพศหญิงจะมีประจำเดือนมาผิดปกติจากโรคถุงน้ำรังไข่ (Polycystic Ovary Syndrome) โรคอ้วนยังทำให้เกิดการมีบุตรยากทั้งในเพศชายและเพศหญิง รวมถึงภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นระหว่างเราตั้งครรภ์ เช่น โรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์ (Gestational Diabetes Mellitus) อาการครรภ์เป็นพิษ (Preeclampsia)
ระบบภูมิคุ้มกัน เมื่อมีไขมันในร่างกายในปริมาณมาก จะสร้างสารที่เรียกว่า Pro-Inflammatory Cytokines ซึ่งสารชนิดนี้ ทำให้เกิดอาการอักเสบทั่วร่างกายโดยที่เราไม่รู้ตัว และสุดท้าย 9. ระบบไหลเวียนเลือด เมื่อเรามีน้ำหนักตัวที่มากเกินไป ส่งผลทำให้ความดันในหลอดเลือดดำที่ขาสูงขึ้น จนเกิดเป็นโรคเส้นเลือดขอด บริเวณขา ทำให้มีอาการขาบวมได้ ซึ่งในรายที่มีอาการรุนแรงจะทำให้เป็นแผลอักเสบเรื้อรัง (Chronic Venous Insufficiency) หรือมีการอุดตันของเส้นเลือดดำที่ขา (Deep Vein Thrombosis)
ไม่เพียงแต่โรคอ้วนจะทำให้เกิดโรคต่าง ๆ ข้างต้นแล้ว ยังทำให้เรามีอายุขัยที่สั้นลง!! มีงานวิจัยรายงานว่า ผู้ป่วยโรคอ้วนที่มี BMI > 40 ขึ้นไป ทำให้มีอายุขัยสั้นลงได้ถึง 14 ปี โดยสาเหตุหลักของการเสียชีวิตที่เกี่ยวข้องกับโรคอ้วน ได้แก่ โรคหัวใจและหลอดเลือดและโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ซึ่งหากเราสามารถแก้ไขโรคหรือดูแลสภาวะร่างกายต่าง ๆ ทุกอย่างที่กล่าวมานี้ให้ดี เพียงแค่นี้ เราลดน้ำหนักลงมา ซึ่งทำได้ไม่ยากเลย... จริงมั้ยครับ