นายศักดิ์ชัย ใสสุข ผู้อำนวยการเขตมีนบุรี กทม. กล่าวกรณีมีข้อสังเกตการเปลี่ยนอุปกรณ์ไฟฟ้าและสายไฟเก่าของโรงเรียนวังเล็กวิทยานุสรณ์ มีการนำของเก่าที่รื้อออกไปขายและนำรายได้เข้าบัญชีส่วนตัวว่า จากการตรวจสอบข้อเท็จจริงพบว่า สำนักงานเขตฯ ได้ทำสัญญาจ้างการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) ดำเนินการรื้อถอนสายไฟเก่าและอุปกรณ์ต่างๆ พร้อมติดตั้งสายไฟและอุปกรณ์ใหม่ทั้งหมด เมื่อวันที่ 14 มี.ค. 67 กำหนดเวลาแล้วเสร็จภายในวันที่ 30 ก.ย. 67 โดย กฟน. ได้ส่งมอบงานเมื่อวันที่ 31 ก.ค. 67 และคณะกรรมการตรวจรับได้ตรวจรับเรียบร้อยแล้ว ซึ่ง กฟน. ได้แจ้งว่าเศษวัสดุอุปกรณ์ที่รื้อออกไม่สามารถใช้กับระบบไฟฟ้าที่ปรับปรุงใหม่ ผู้อำนวยการสถานศึกษาฯ จึงได้นำเศษวัสดุอุปกรณ์ไปจำหน่ายให้ร้านรับซื้อของเก่า 2 ครั้ง รวมเป็นเงิน 28,198 บาท โดยเงินที่ได้จากการขายวัสดุดังกล่าว ได้มอบให้กรรมการที่มีหน้าที่ดูแลเบิกจ่ายเงินของโรงเรียนเก็บในตู้นิรภัยของโรงเรียนและบันทึกเป็นรายรับของโรงเรียน
ทั้งนี้ สำนักงานเขตฯ ได้สั่งการให้ผู้อำนวยการสถานศึกษาฯ ถือปฏิบัติตามระเบียบเงินบำรุงการศึกษา พ.ศ. 2555 พร้อมนำเงินจำนวนดังกล่าวฝากเข้าบัญชีเงินบำรุงการศึกษาของโรงเรียน เพื่อใช้ประโยชน์ทางการศึกษาต่อไป รวมทั้งได้พิจารณาแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงและเพิ่มความเข้มงวดตรวจสอบความโปร่งใสการดำเนินงานและการใช้งบประมาณต่างๆ ในโรงเรียนสังกัด กทม. เพื่อป้องกันการทุจริตของครูและบุคลากรทางการศึกษา
นางสาวพิศมัย เรืองศิลป์ ผู้อำนวยการสำนักการศึกษา (สนศ.) กทม. กล่าวว่า กทม. มีมาตรการกำกับดูแลกระบวนการใช้งบประมาณของสถานศึกษาในสังกัดให้เป็นไปอย่างโปร่งใสและตรวจสอบได้ โดยผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครในฐานะหัวหน้าหน่วยงานได้มีคำสั่งมอบอำนาจเกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้างให้ผู้บริหารสถานศึกษาปฏิบัติราชการแทนในวงเงินไม่เกิน 500,000 บาท โดยได้กำชับให้คำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของ กทม. และเป็นไปตามหลักความคุ้มค่า โปร่งใส มีประสิทธิภาพ ประสิทธิผล และตรวจสอบได้ ตามพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 (มาตรา 8) รวมทั้งกำชับให้ทุกหน่วยงานเปิดเผยข้อมูลการจัดซื้อจัดจ้างในขั้นตอนต่างๆ อย่างครบถ้วนทุกช่องทาง พร้อมทั้งเจ้าหน้าที่บันทึกข้อมูลผ่านระบบจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐด้วยอิเล็กทรอนิกส์ (e-GP) และระบบเผยแพร่ข้อมูลการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐของ กทม. (e-GP BMA) ทันทีที่หน่วยงานดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างในแต่ละขั้นตอน
นอกจากนี้ ยังมีมาตรการควบคุมรักษาทรัพย์สินสถานศึกษาในสังกัด กทม. ซึ่งกำหนดให้ทุกส่วนราชการจัดทำทะเบียนควบคุมพัสดุอย่างเคร่งครัด โดยมีคณะกรรมการตรวจสอบพัสดุประจำปี และคณะกรรมการควบคุมรักษาทรัพย์สินของสถานศึกษา ทำหน้าที่ตรวจสอบและรายงานทรัพย์สินของสถานศึกษาให้ถูกต้องตรงตามทะเบียน เพื่อป้องกันการทุจริตอันอาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินของทางราชการ