จอแสดงผลดิจิทัลใช้พลังงานต่ำ ใกล้เคียงกับศูนย์ มอบความยืดหยุ่นในการใช้งานที่เหนือชั้นกว่ากระดาษแบบดั้งเดิม
มาพร้อมการผสานฟีเจอร์ AI เข้ากับป้ายดิจิทัลของซัมซุง เพื่อมอบประสิทธิภาพและการทำงานร่วมกันที่ดียิ่งขึ้น
ซัมซุง เปิดตัวจอแสดงผลเพื่อธุรกิจเจเนอเรชันใหม่ มาพร้อมโซลูชันอัจฉริยะที่ขับเคลื่อนด้วย AI ภายในงาน Integrated Systems Europe (ISE) 2025
Samsung Color E-Paper มอบประสิทธิภาพการใช้พลังงานในระดับใหม่ ควบคู่ไปกับการพัฒนาฟีเจอร์ AI ใน SmartThings Pro และ Interactive Display ช่วยยกระดับความสามารถ การควบคุม และความสะดวกในการใช้งานจอแสดงผลสำหรับธุรกิจให้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ จอโฆษณา Smart Signage ขนาดใหญ่พิเศษ 115 นิ้ว ยังมอบประสบการณ์ด้านภาพที่สมจริงในระดับที่เหนือกว่า โดยโซลูชันสุดล้ำทั้งหมดนี้ได้จัดแสดงภายในงาน ISE ที่บูธ 3F500
นายฮุน ชุง รองประธานบริหาร ธุรกิจจอแสดงผล บริษัท ซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ กล่าวว่า "สิ่งสำคัญสำหรับจอแสดงผลเพื่อธุรกิจ คือการตอบโจทย์ความต้องการของตลาดในด้านการประหยัดพลังงาน และการจัดการอุปกรณ์ที่ง่ายดาย ควบคู่ไปกับการมอบประสบการณ์คุณภาพสมจริงให้แก่ผู้ใช้ โดยนวัตกรรมล่าสุดของเรา ไม่ว่าจะเป็น Samsung Color E-Paper ที่ใช้พลังงานต่ำจนเกือบเป็นศูนย์ หรือเทคโนโลยี AI ขั้นสูงที่มีอยู่ในทุกรุ่น ล้วนสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของเราในการบุกเบิกตลาดใหม่ ๆ และนำเสนอโซลูชันทางธุรกิจที่จะพลิกโฉมวงการในระดับโลก"
Samsung Color E-Paper เพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน พร้อมมอบการใช้งานที่ยืดหยุ่นขึ้น
Samsung Color E-Paper (รุ่น EMDX) ยกระดับมาตรฐานป้ายดิจิทัลใหม่ ให้ประหยัดพลังงานยิ่งขึ้น ด้วยการผสานเทคโนโลยีหมึกดิจิทัลเข้ากับนวัตกรรมจอ E-Paper สีเต็มรูปแบบ โดดเด่นด้วยหน้าจอน้ำหนักเบา ดีไซน์เพรียวบาง และใช้พลังงานต่ำเป็นพิเศษ เพื่อเป็นทางเลือกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมแทนสื่อโฆษณาแบบแอนะล็อกและกระดาษแบบดั้งเดิม พร้อมทั้งมอบความคมชัดสูงและฟังก์ชันการใช้งานที่ตอบโจทย์ความต้องการของภาคธุรกิจได้อย่างสมบูรณ์แบบ
ด้วยเทคโนโลยีหมึกดิจิทัลขั้นสูง EMDX ช่วยให้แสดงภาพนิ่งได้โดยใช้พลังงานเพียงแค่ 0.00W และใช้พลังงานน้อยกว่าป้ายดิจิทัลทั่วไปอย่างมีนัยสำคัญในระหว่างการเปลี่ยนภาพ ช่วยลดต้นทุนด้านพลังงานได้มาก[1] พร้อมดีไซน์บางเฉียบและน้ำหนักเบาทำให้ติดตั้งได้ง่าย มีขนาดให้เลือกหลากหลาย ได้แก่ 13" (1,600 x 1,200), 25" (3,200 x 1,800), 32" QHD (2,560 x 1,440) และรุ่นสำหรับใช้งานกลางแจ้งขนาด 75" 5K (5,120 x 2,880) ตอบโจทย์ทุกความต้องการของธุรกิจที่หลากหลาย นอกจากนี้ Color E-Paper ยังมาพร้อมแบตเตอรี่แบบชาร์จได้ขนาด 5000mAh, พอร์ต USB-C สองช่องสำหรับการชาร์จและถ่ายโอนข้อมูล, หน่วยความจำ 8GB และรองรับการเชื่อมต่อผ่าน Wi-Fi และ Bluetooth เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งาน
สำหรับด้านการจัดการอุปกรณ์ มีแอปพลิเคชันมือถือที่ออกแบบมาเฉพาะ[2] ช่วยให้ผู้ใช้สามารถควบคุมการแสดงผลได้จากระยะไกล รวมถึงกำหนดเวลาปลุก พักการทำงาน และตั้งค่าเพลย์ลิสต์พร้อมกำหนดช่วงเวลาในการแสดงผลล่วงหน้าได้ นอกจากนี้ Samsung VXT (Visual eXperience Transformation) ยังช่วยให้การจัดการเนื้อหาง่ายขึ้นด้วยฟีเจอร์พิเศษสำหรับ Samsung Color E-Paper โดยมีอัลกอริธึมเฉพาะที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการมองเห็นเนื้อหาบนจอแสดงผล และยังมีฟังก์ชันการแสดงตัวอย่างเพื่อให้มั่นใจว่าเนื้อหาและสีนั้นถูกต้องก่อนนำไปใช้งานจริง
ด้านการจัดการเนื้อหาก็สามารถทำได้ง่ายดายผ่านแอปพลิเคชันมือถือและ Samsung VXT โดยธุรกิจยังสามารถใช้โซลูชันของตัวเองได้ผ่าน Tizen Enterprise APIs ช่วยให้การเชื่อมต่อกับระบบการจัดการที่มีอยู่เดิมเป็นไปอย่างสะดวกและราบรื่น
นอกจากนี้ จากความมุ่งมั่นของซัมซุงเพื่ออนาคตที่ยั่งยืน ฝาครอบของ Color E-Paper ผลิตจากพลาสติกรีไซเคิลมากกว่า 50% ส่วนบรรจุภัณฑ์ทั้งหมดทำมาจากกระดาษ
ฟีเจอร์ AI เพิ่มความฉลาด พร้อมการควบคุมใหม่ให้กับ SmartThings Pro และ Interactive Display
ในปี 2025 SmartThings Pro แพลตฟอร์มการจัดการธุรกิจ (B2B) ที่เชื่อมต่อกันอย่างเหนือชั้นของซัมซุง ชูจุดเด่นด้านความสามารถ AI และระบบอัตโนมัติที่ได้รับการพัฒนาเพิ่มเติม เพื่อยกระดับประสิทธิภาพในการดำเนินงาน[3]
แพลตฟอร์มนี้มาพร้อมฟีเจอร์ Interactive View ซึ่งใช้ AI ในการแปลงแผนที่ชั้นอาคารของสถานที่จาก 2D ให้เป็นภาพ 3D ซึ่งการแสดงผลแบบ 3D ช่วยให้เข้าใจทางและพื้นที่ได้ง่าย ทำให้ผู้ประกอบการธุรกิจสามารถจัดการอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อได้อย่างสะดวกและง่ายดาย
SmartThings Pro ยังมีฟีเจอร์การควบคุมอัตโนมัติขั้นสูง ที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถปรับการตั้งค่าต่าง ๆ เช่น พลังงาน, ระดับเสียง และความสว่าง ตามเงื่อนไขที่ตั้งไว้ล่วงหน้าได้ เช่น แสงสว่างในห้อง, จำนวนผู้ใช้ในห้อง และเวลาทำการของร้าน การปรับแต่งอัตโนมัติเหล่านี้จะช่วยประหยัดเวลา พร้อมทำให้มั่นใจได้ว่าอุปกรณ์ต่างๆ ได้รับการปรับให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อม รวมทั้งเมื่อใช้ SmartThings Pro บนจอแสดงผล ยังช่วยให้การสลับเนื้อหาระหว่างสตรีมเป็นไปได้อย่างราบรื่น เนื่องจากผู้ใช้สามารถเปลี่ยนช่องหรือสัญญาณได้อย่างง่ายดาย มอบประสบการณ์การใช้งานที่ลื่นไหลคล่องตัว[4]
นอกจากนี้ Samsung Smart Signage ยังมาพร้อมกับฟีเจอร์ CryptoCore เป็นโมดูลการเข้ารหัสที่ได้รับการรับรอง FIPS 140-3 ช่วยปกป้องข้อมูลการตรวจสอบสิทธิ์สำหรับการเชื่อมต่อ IoT และทำให้มั่นใจได้ว่า การเชื่อมต่อระหว่างอุปกรณ์จะยังคงปลอดภัยอยู่เสมอ[5]
ในงาน ISE ซัมซุงยังได้เผยโฉมจอแสดงผลแบบอินเทอร์แอคทีฟ 2025 (รุ่น WAFX-P) ที่ขับเคลื่อนด้วย Android OS 15 และมาพร้อมกับฟีเจอร์ AI ใหม่ที่ช่วยยกระดับโอกาสในการเรียนรู้และการทำงานร่วมกัน
สำหรับรุ่น WAFX-P มาพร้อมฟีเจอร์ AI อย่าง Circle to Search ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถค้นหาภาพหรือแปลข้อความได้โดยตรงบนหน้าจอ และฟีเจอร์ AI Summary ที่สามารถสรุปบทเรียนหรือการประชุมให้สั้นกระชับได้โดยอัตโนมัติ
Smart Signage 4K จอไซส์ใหญ่พิเศษ สร้างประสบการณ์สุดสมจริงแบบใหม่
จอแสดงผล Smart Signage 4K ขนาด 115 นิ้ว (รุ่น QHFX) ของซัมซุง เป็นผู้นำในอุตสาหกรรมการพัฒนาจอแสดงผลขนาดใหญ่พิเศษ ช่วยให้ธุรกิจต่าง ๆ มีวิธีการใหม่ ๆ ในการดึงดูดผู้ชมและเปลี่ยนสภาพแวดล้อมให้ธุรกิจด้วยภาพสุดสมจริง
QHFX ขนาด 115 นิ้ว เป็นการต่อยอดจากความสำเร็จของรุ่น 105" QPDX-5K ที่เปิดตัวในปีที่แล้ว ซึ่งมีอัตราส่วน 21:9 ที่เหมาะสมสำหรับการประชุมทางวิดีโอ โดยรุ่น 115" QHFX จะชูจุดเด่นด้านความยืดหยุ่นที่มากยิ่งขึ้นด้วยอัตราส่วน 16:9 และฟังก์ชันการแสดงผลหลายหน้าต่าง ? รองรับการแบ่งหน้าจอได้สูงสุดถึงสี่หน้าต่าง ? ทำให้เหมาะสมสำหรับการแสดงเนื้อหาหลายสตรีมพร้อมกัน ซึ่งความสามารถในการปรับตัวนี้ พัฒนามาให้เหมาะสมกับการใช้งานที่หลากหลาย ตั้งแต่ในห้องประชุมไปจนถึงร้านค้าสุดหรูที่ต้องการจอแสดงผลขนาดใหญ่และคุณภาพสูง
รุ่น QHFX ยังลดการมองเห็นเส้นขอบที่มักพบในระบบวิดีโอวอลแบบเดิม ช่วยให้ได้การแสดงผลต่อเนื่องไม่ขัดตา พร้อมดึงดูดผู้ชมและเสริมสร้างบรรยากาศที่ดีกว่าให้ทุกสถานที่ ผ่านภาพที่สดใสและการแสดงผลที่ราบรื่นด้วยความละเอียด QLED 4K ความสว่างสูงสุด 700 nits และ Tizen OS 8.0 นอกจากนี้ QHFX ยังสามารถเชื่อมต่อได้อย่างไร้รอยต่อกับ SmartThings Pro และ Samsung VXT โดยมีฟีเจอร์ที่ใช้งานง่ายเพิ่มขึ้น เช่น มือจับในตัวสำหรับการติดตั้งที่สะดวก และรองรับ VESA[6] ซึ่งมอบความยืดหยุ่นและความสะดวกสบายให้กับธุรกิจ
[1] การวัดพลังงานอ้างอิงตามมาตรฐาน IEC62301 ขององค์การวิศวกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ระหว่างประเทศ โดยตามมาตรฐานนี้ หากการใช้พลังงานเฉลี่ยต่ำกว่า 0.005W จะระบุเป็น 0.00W
[2] แอปพลิเคชัน Samsung Color E-Paper รองรับ Android 10 ขึ้นไป และ iOS 15 ขึ้นไป การใช้งานอาจแตกต่างกันไปตามอุปกรณ์ รุ่นซอฟต์แวร์ และภูมิภาค
[3] สำหรับ Smart Signage และโทรทัศน์โรงแรม, SmartThings Pro สามารถใช้งานได้บนรุ่นที่ใช้ Tizen 7.0 หรือเวอร์ชันที่สูงกว่า
[4] การอัปเดตแบบค่อยเป็นค่อยไปมีกำหนดเริ่มในเดือนมีนาคม 2025
[5] สำหรับ Smart Signage, CryptoCore สามารถใช้งานได้บนรุ่นที่ใช้ Tizen 8.0 หรือเวอร์ชันที่สูงกว่า
[6] สมาคมมาตรฐานอิเล็กทรอนิกส์ภาพและวิดีโอ