กรุงเทพฯ--20 พ.ค.--ออนไลน์ แอสเซ็ท
SPPT-W1 เข้าเทรดวันแรกคึกคัก ผู้บริหารเชื่อจากปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งและธุรกิจเติบโตโดดเด่น จะดึงดูดความสนใจนักลงทุนเข้าซื้อขายหุ้น SPPT คึกคักมากขึ้น เผยเตรียมนำรายได้ไปขยายกำลังการผลิต ผลิตภัณฑ์สำหรับ HDD และ Non- HDD พร้อมส่งสัญญาณ Q3/51 นี้ จะมีรายได้เพิ่มจากโครงการใหม่ซึ่งไม่ได้รวมอยู่ในประมาณการเป้าหมายรายได้ปีนี้ที่ 1 พันลบ. หลังได้ลูกค้า NIKON หนุนธุรกิจ Non- HDD โตโดดเด่น
นายประพจน์ พลพิพัฒนพงศ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซิงเกิ้ล พอยท์พาร์ท (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ SPPT เปิดเผยถึงการเข้าซื้อขายเป็นวันแรกของใบสำคัญแสดงสิทธิเพื่อซื้อหุ้นสามัญของบริษัท (SPPT-W ) จำนวน 62.5 ล้านหน่วย ว่าการซื้อขายเป็นไปอย่างคึกคัก ซึ่งคาดว่าเป็นผลมาจากบริษัทมีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง และธุรกิจมีแนวโน้มเติบโตอย่างชัดเจนและต่อเนื่อง และน่าจะส่งผลให้การซื้อขายของหุ้น SPPT ในกระดานคึกคักตามไปด้วย
“วอร์แรนต์ที่ซื้อขายอย่างคึกคักในวันนี้ คาดว่าเป็นเพราะนักลงทุนเชื่อมั่นใจในปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งของบริษัท และแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และน่าจะทำให้หุ้นแม่ซื้อขายคึกคักตามไปด้วย โดยในปีนี้ยังมั่นใจว่ารายได้จะแตะ1,000 ล้านบาท หรือเติบโตในอัตรา 40% จากปีก่อน ไม่รวมในส่วนของบริษัทย่อย และยังมีความเป็นไปได้ที่ยอดขายจะสูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้หลังจากบริษัทได้รับงานจากบริษัท นิคอน ประเทศไทย ให้เป็นฐานการผลิตชิ้นส่วนผลิตภัณฑ์เพื่อส่งกลับไปประกอบในโรงงานนิคอนที่สวนอุตสาหกรรมโรจนะ โดยจะเริ่มรับรู้รายได้ตั้งแต่ปลายไตรมาสที่ 2/2551 เป็นต้นไป ส่วนในไตรมาสที่ 3 จะมีโครงการเพิ่มเติมจากบริษัท นิคอน ประเทศไทย โดยการประกอบมอเตอร์กล้องถ่ายรูป โครงการดังกล่าว จะเริ่มรับรู้รายได้ตั้งแต่ กรกฎาคมนี้ โดยประมาณการรายได้ 50 ล้านบาทสำหรับโครงการนี้ในปีนี้
ประธานกรรมการบริหาร SPPT กล่าวอีกว่า หลังจากที่บริษัทเริ่มแตกธุรกิจออกไปสู่กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ไม่ใช่ฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟ (Non Hard Disk Drive-Non HDD ) เช่นผลิตภัณฑ์กลุ่มคอนซูเมอร์ อิเล็กทรอนิกส์ และเอนเตอร์เทนเม้นท์(Consumer Electronic &Entertainment) อาทิ ชิ้นส่วนสำหรับกล้องถ่ายรูป กล้องถ่ายวิดีโอ เอ็มพี 3 เครื่องเล่นเกมส์ ชิ้นส่วนสำหรับรถจักรยานยนต์ชิ้นส่วนอุปกรณ์ทางการแพทย์ พบว่าธุรกิจเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยคาดว่าจะมีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจ Non-HDD อยู่ที่ 16-17% ของรายได้รวม เทียบกับปีที่ผ่านมาที่รายได้เกือบ 100% มาจากกลุ่ม Hard Disk Drive (HDD) และคาดว่าจะมีสัดส่วนเพิ่มเป็น 40% ของรายได้ภายในเวลาเพียง 2 ปีข้างหน้านี้ และเนื่องจากธุรกิจกลุ่ม Non HDD ถือเป็นสินค้าที่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูงกว่าสินค้าในกลุ่ม HDD จึงเชื่อว่าจะสะท้อนให้ผลกำไรของบริษัทเติบโตเพิ่มขึ้นไปในทิศทางเดียวกันด้วย
เขาระบุว่า การออก SPPT-W ในครั้งนี้ เพื่อรองรับแผนการลงทุนในอนาคต เนื่องจาก SPPT-W มีอายุ 3ปี สามารถแปลงสภาพเป็นหุ้นสามัญ ครั้งแรกได้ตั้งแต่ วันที่ 30 มิถุนายน 2552 ที่ราคาแปลงสภาพหุ้นละ 3.75 บาท ซึ่งคาดว่าจะได้เงินจากการใช้สิทธิแปลงสภาพประมาณ 235 ล้านบาท มีแผนจะนำไปลงทุนเพื่อขยายกำลังการผลิตผลิตภัณฑ์สำหรับ HDD และ Non- HDD เพื่อรองรับแผนการขยายธุรกิจให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง ทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ
ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : ปภาดา สุวรรณกูฎ (ตุ้ย) TEL : 02-554-9394 / 085-133-0184