วันนี้ (6 กุมภาพันธ์ 2568 ) ดร.นายแพทย์ปองพล วรปาณิ รองอธิบดีกรมอนามัย นางปรีดา วิสาโรจน์รองอธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน ทันตแพทย์อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ร่วมแถลงความร่วมมือ (Kick off) การขับเคลื่อนการสร้างเสริมสุขภาพช่องปากเด็กและเยาวชนในสถานพินิจฯ และศูนย์ฝึกฯ ณ ศูนย์ฝึกฯชายบ้านกรุณา อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ
ดร.นายแพทย์ปองพล วรปาณิ รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า กรมอนามัยให้ความสำคัญกับโครงการ พระราชดำริ "ราชทัณฑ์ปันสุข ทำความดี เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์" ในปีงบประมาณ 2568 นี้ กรมอนามัยมุ่งพัฒนาระบบบริการสุขภาพ รวมทั้งสุขภาพช่องปากเด็กและเยาวชนในสถานพินิจฯ และศูนย์ฝึกฯ ให้ได้รับการดูแลอย่าง เท่าเทียม ตามหลักมนุษยธรรม ปัจจุบันเด็กและเยาวชนในสถานพินิจฯ และศูนย์ฝึกฯ เข้าถึงบริการทันตกรรมต่ำ เนื่องจากมีข้อจำกัดในการเข้ารับบริการด้วยตนเอง จากข้อมูลปี 2567 ของกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน จำนวน 4,901 คน พบว่า ร้อยละ 20.6 หรือ จำนวน 1,009 ราย เจ็บป่วยจากโรคฟันผุ กรมอนามัยจึงได้จับมือกับ กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนดำเนินงานสร้างเสริมสุขภาพช่องปากในสถานพินิจฯ และศูนย์ฝึกฯ ร่วมกับโรงพยาบาลแม่ข่าย รวมทั้งตั้งเป้าหมาย ร้อยละ 80 เด็กและเยาวชนในสถานพินิจฯ และศูนย์ฝึกฯ ได้เข้าถึงบริการ ทันตกรรม ส่งเสริมป้องกัน หรือบริการทันตกรรมตามความจำเป็น "ทั้งนี้ กรมอนามัยและภาคีเครือข่ายได้ร่วมกันพัฒนาโมเดลทันตกรรม รัฐ-เอกชน ร่วมดูแลสุขภาพช่องปาก เพื่อเพิ่มการเข้าถึงบริการทันตกรรมตามชุดสิทธิประโยชน์อย่างเป็นระบบ โดยมีระบบสนับสนุนที่มีประสิทธิภาพจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทำให้เด็กและเยาวชนในกลุ่มดังกล่าว สามารถดูแลสุขภาพช่องปากด้วยตนเอง (Self-care) และเพิ่มการเข้าถึงบริการทันตกรรม (Access to care) ได้อย่างทั่วถึง เท่าเทียม และสอดคล้องกับหลักสิทธิมนุษยชน ขั้นพื้นฐาน เพื่อให้เด็กและเยาวชนมีสุขภาพช่องปากที่ดีและมีคุณภาพชีวิตที่ดีต่อไป" รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าว
ทางด้าน นางปรีดา วิสาโรจน์ รองอธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน กล่าวว่า กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน กระทรวงยุติธรรม มีภารกิจหลักในการคุ้มครองสิทธิประโยชน์ของผู้เยาว์ตามคำพิพากษาหรือตามคำสั่งของศาลและการพิทักษ์ คุ้มครองสิทธิ สวัสดิภาพของเด็กหรือเยาวชนที่กระทำผิดที่เข้าสู่กระบวนยุติธรรมในระหว่างพิจารณาคดี และหลังพิจารณาคดี รวมทั้งพัฒนาและสนับสนุนการจัดระบบบริการสาธารณสุขของเด็กและเยาวชน ในสถานพินิจฯ และศูนย์ฝึกฯ โดยการส่งเสริม ป้องกัน ดูแล รักษา และฟื้นฟูสมรรถภาพ เพื่อให้เด็กและเยาวชนเข้าถึงบริการด้านสาธารณสุขที่มีคุณภาพอย่างทั่วถึงและเท่าเทียมกับประชาชนภายนอก ซึ่งในปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 กรมพินิจฯ ร่วมกับกรมอนามัยจัดกิจกรรม "การขับเคลื่อนการสร้างเสริมสุขภาพช่องปากเด็กและเยาวชนในสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน และศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน" โดยทีมรถทันตกรรมและโรงพยาบาลแม่ข่าย ร่วมให้บริการสถานพินิจฯ และศูนย์ฝึกฯ ทั้ง 58 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งถือเป็นกิจกรรมตามโครงการราชทัณฑ์ปันสุข ทำความ ดี เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ เพื่อให้เด็กและเยาวชนมีสุขภาพกายและจิตที่ดีต่อไป" รองอธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน กล่าว
ทางด้าน ทันตแพทย์อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กล่าวว่า สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ได้กำหนดสิทธิประโยชน์การให้บริการทันตกรรม และสิทธิประโยชน์ด้านบริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคสำหรับผู้ต้องขังในสถานพินิจฯ และศูนย์ฝึกฯ รวมทั้งคลินิกทันตกรรมที่ร่วมเป็นหน่วยบริการในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ สามารถให้บริการทันตกรรมผู้ต้องขังบัตรทอง 6 รายการ ได้แก่ ตรวจสุขภาพช่องปากและวางแผนการรักษา ขูดหินปูน อุดฟัน ถอนฟัน เคลือบหลุมร่องฟัน และเคลือบฟลูออไรด์ "การขับเคลื่อนการสร้างเสริมสุขภาพช่องปากเด็กและเยาวชนในสถานพินิจฯ และศูนย์ฝึกฯ โดยทีมรถทันตกรรมและโรงพยาบาลแม่ข่ายในครั้งนี้ อยู่ภายใต้โครงการระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ บัตรทอง 30 บาท ในการให้บริการกับสถานพินิจฯ และศูนย์ฝึกฯ โดยรถทันตกรรมเคลื่อนที่ สปสช. มั่นใจว่าจะสามารถให้บริการแก่กลุ่มเปราะบางได้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น ปัจจุบันนับตั้งแต่ 1 มกราคม 2567 ที่ผ่านมา โครงการ 30 บาทรักษาทุกที่ ขยายครอบคลุมทั้งประเทศแล้ว" รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กล่าว ทางด้าน ทันตแพทย์ดำรง ธำรงเลาหะพันธุ์ ผู้อำนวยการสำนักทันตสาธารณสุข กล่าวว่า กิจกรรมในครั้งนี้ กรมอนามัยและเครือข่ายทันตบุคลากรจังหวัดสมุทรปราการได้ร่วมกันจัดบริการทันตกรรม ร่วมกับรถทันตกรรมของคลินิกเอกชนในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กิจกรรมประกอบด้วย 1) กิจกรรมส่งเสริมสุขภาพช่องปากโดยโรงพยาบาลแม่ข่าย ได้แก่ ตรวจสุขภาพช่องปากและวางแผนการรักษาตามความจำเป็น ฝึกทักษะการแปรงฟันร่วมกับการย้อมสีฟันก่อนเข้ารับบริการทันตกรรม และ 2) รถทันตกรรมจากคลินิกเอกชนจัดบริการทันตกรรมตามแผนการรักษาของโรงพยาบาลแม่ข่าย และสรุปข้อมูลทันตกรรมส่งสถานพินิจฯ และศูนย์ฝึกฯ ภายใน 1 สัปดาห์ โดยกลุ่มเป้าหมายครั้งนี้เป็นเด็กและเยาวชนจากสถานพินิจฯ สมุทรปราการ ศูนย์ฝึกฯ สมุทรปราการ และศูนย์ฝึกฯ ชายบ้านกรุณา จำนวน 150 คน จัดบริการทันตกรรมในวันที่ 5 - 6 กุมภาพันธ์ 2568 โดยโมเดลทันตกรรมรัฐ-เอกชน ร่วมดูแลสุขภาพช่องปาก 3S2R Model (Screening, Service, Self-care, Record data, Recall) ที่พัฒนานี้จะนำไปขยายผล วางแผนการจัดบริการทันตกรรม ทุก 6 เดือน ในสถานพินิจฯและศูนย์ฝึกฯ ทั้ง 58 แห่งทั่วประเทศต่อไป